ปรินิพพาน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จากนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเข้าปฐมฌาณ ออกจากปฐมฌาณแล้ว ทรงเข้าทุติยฌาณ ออกจากทุติยฌาณแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาณ ออกจากจตุตถฌาณแล้วทรงเข้าอากาสานัญจายนะออกจากอากาสานัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะออกจากอากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้ถามท่านพระอนุรุทธะ ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วหรือ ท่านพระอนุรุทธะกล่าวว่าอานนท์ผู้มีอายุ พระพุทธองค์ยังไม่เสด็จปรินิพพานทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่
พระศาสดาทรงออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ โดยปฏิโลม จนถึงปฐมฌาณออกจากปฐมฌาณ เข้าทุติยฌาณออกจากทุติยฌาณ เข้าตติยฌาณออกจากตติยฌาณ เข้าจตุตถฌาณออกจากจตุตถฌาณแล้ว เสด็จดับขันธปรินิพพานในลำดับแห่งการพิจารณาองค์จตุตถฌาณ
พระพุทธองค์ ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน ในปัจฉิมยามแห่งราตรี วันเพ็ญเดือน ๖พร้อมกับการปรินิพพาน แผ่นดินไหว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือขึ้น พร้อมกับการปรินิพพานท้าวสหัมบดีพรหม ได้กล่าว สังเวคธรรม ว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จักต้องทอดทิ้งร่างกายไว้ในโลกแม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังเสด็จปรินิพพาน พร้อมกับการปรินิพพาน ท้าวสักกจอมเทพ ได้กล่าว สังเวคธรรม ว่าสังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอมีความเกิดขึ้น และเสื่อมไป เป็นธรรมดา ความเข้าไปสงบสังขารเหล่านั้นได้ เป็นสุข
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ท่านพระอนุรุทธะ เตือนภิกษุทั้งหลาย ที่ยังเป็นเสขบุคคล ว่า พวกท่านอย่าโศกเศร้าไปเลยเรื่องนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสบอกไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือ ว่าความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบใจนั้น ต้องมีสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว มีปัจจัยปรุงแต่งแล้วย่อมมีความทำลายไป เป็นธรรมดาความปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นอย่าทำลายไปเลยไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
ท่านพระอนุรุทธะ และท่านพระอานนท์ ยังราตรีนั้นให้ล่วงไปด้วยธรรมีกถา แก่ภิกษุทั้งหลาย
ท่านพระอนุรุทธะ กล่าวกับท่านพระอานนท์ว่าไปเถิด อานนท์ ท่านจงเข้าไปที่ กรุงกุสินารา ท่านจงบอกแก่ พวกมัลลกษัตริย์ ว่าดูก่อน วาสิฏฐะทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้วพวกท่านจงทราบกาลอันควร ในบัดนี้เถิด
ท่านพระอานนท์ รับคำของท่านพระอนุรุทธะแล้วในเวลาเช้า ครองผ้าแล้ว ถือบาตรเข้าไปใน กรุงกุสินารา เพื่อแจ้งข่าวการปรินิพพานของพระพุทธองค์ ลำพังผู้เดียว
กุสินารา
ขออนุโมทนา