ความจริงแห่งชีวิต [013] กัมมชรูป ๙
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กัมมชรูป ๙ รูปนี้ เป็นอุปาทายรูป ฉะนั้น จึงต้องเกิดร่วมกับอวินิพโภครูป ๘ รูป ดังนี้ คือ
๑. จักขุทสกกลาป (กลุ่มของจักขุปสาทรูปซึ่งมีรูปรวม ๑๐ รูป) คือ อวินิพโภครูป ๘ + จักขุปสาทรูป + ชีวิตินทริยรูป
๒. โสตทสกกลาป (กลุ่มของโสตปสาทรูปซึ่งมีรูปรวม ๑๐ รูป) คือ อวินิพโภครูป ๘ + โสตปสาทรูป + ชีวิตินทริยรูป
๓. ฆานทสกกลาป (กลุ่มของฆานปสาทรูปซึ่งมีรูปรวม ๑๐ รูป) คือ อวินิพโภครูป ๘ + ฆานปสาทรูป + ชีวิตินทริยรูป
๔. ชิวหาทสกกลาป (กลุ่มของชิวหาปสาทรูปซึ่งมีรูปรวม ๑๐ รูป) คือ อวินิพโภครูป ๘ + ชิวหาปสาทรูป + ชีวิตินทริยรูป
๕. กายทสกกลาป (กลุ่มของกายปสาทรูปซึ่งมีรูปรวม ๑๐ รูป) คือ อวินิพโภครูป ๘ + กายปสาทรูป + ชีวิตินทริยรูป
๖. อิตถีภาวทสกกลาป (กลุ่มของอิตถีภาวรูปซึ่งมีรูปรวม ๑๐ รูป) คือ อวินิพโภครูป ๘ + อิตถีภาวรูป + ชีวิตินทริยรูป
๗. ปุริสภาวทสกกลาป (กลุ่มของปุริสภาวรูปซึ่งมีรูปรวม ๑๐ รูป) คือ อวินิพโภครูป ๘ + ปุริสภาวรูป + ชีวิตินทริยรูป
๘. หทยทสกกลาป (กลุ่มของหทยรูปซึ่งมีรูปรวม ๑๐ รูป) คือ อวินิพโภครูป ๘ + หทยรูป + ชีวิตินทริยรูป
๙. ชีวิตนวกกลาป (กลุ่มของชีวิตรูปซึ่งมีรูปรวม ๙ รูป) คือ อวินิพโภครูป ๘ + ชีวิตินทริยรูป
กัมมชกลาปเหล่านี้เกิดพร้อมกับอุปาทขณะของปฏิสนธิจิตตามควรแก่ภพภูมินั้นๆ และเกิดทุกอนุขณะของจิตทุกดวง คือ อุปาทขณะ ฐิติขณะ และภังคขณะของจิตดวงหนึ่งๆ และจะหยุดเกิดก่อนจุติจิต ๑๖ ขณะจิต ฉะนั้น กัมมชรูปทั้งหมดจึงดับพร้อมกับจุติจิต
กัมมชรูปที่เกิดพร้อมกับปฏิสนธิจิตในภูมิมนุษย์ซึ่งเป็นชลาพุชกำเนิด (เกิดในครรภ์) มี ๓ กลาป คือ หทยทสกกลาป กายทสกกลาป ภาวทสกกลาป เมื่อเจริญเติบโตขึ้น จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป ฆานทสกกลาป ชิวหาทสกกลาป ก็เกิดตามควรแก่กาลของกลาปนั้นๆ
ผู้ที่ปฏิสนธิเป็นโอปปาติกกำเนิด (เกิดเป็นกายที่มีอวัยวะครบทันที) เช่น เทวดา เปรต อสุรกาย และผู้ที่เกิดในนรก มีกัมมชรูปครบทั้ง ๗ กลาป พร้อมกันทันทีในขณะที่ปฏิสนธิ คือ หทยทสกกลาป กายทสกกลาป ภาวทสกกลาป จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป ฆานทสกกลาป ชิวหาทสกกลาป แต่ถ้ากรรมประเภทใดไม่เป็นปัจจัยให้รูปประเภทใดเกิด ก็เว้นรูปกลาปนั้นๆ ทั้งในปฏิสนธิกาล (ขณะปฏิสนธิจิตเกิด) และในปวัตติกาล คือ ขณะหลังปฏิสนธิ
ขอเรียนถามว่า
๑. ถ้ามีการสูญเสียรูป ๓ กลาปนี้ คือ หทยทสกกลาป ๑ กายทสกกลาป ๑ ภาวทสกกลาป ๑ จะเป็นเหตุทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ คือ ต้องตายถูกต้องไหมคะ
๒. ถ้าเป็นไปเช่นนั้น อะไรคือเหตุนั้นคะ
ผู้ที่ปฏิสนธิเป็นพรหมบุคคลในรูปพรหมภูมิเป็นโอปปาติกกำเนิด มีกัมมชรูป ๔ กลาปเท่านั้น คือ หทยทสกกลาป จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป และชีวิตนวกกลาป เว้นฆานปสาทรูป ชิวหาปสาทรูป กายปสาทรูป ภาวรูป ซึ่งเป็นผลของการระงับความเพลิดเพลินยินดีในกามอารมณ์ด้วยกำลังของฌานจิตที่เป็นปัจจัยให้เกิดเป็นรูปพรหมบุคคล
ขอเรียนถามว่า
เหตุใดผู้ที่ปฏิสนธิเป็นพรหมบุคคลในรูปพรหมภูมิ จึงมีจักขุทสกกลาป ๑ โสตทสกกลาป ๑ เพราะยังไม่เข้าใจค่ะ ว่ารูปสองกลาปนี้ไม่เป็นเหตุให้เกิดความยินดีพอใจในกามอารมณ์ได้อย่างไร
ผู้ที่เป็นอสัญญสัตตาพรหม คือ พรหมที่มีแต่รูปธรรม ไม่มีนามธรรมเลยนั้น มีกัมมชกลาป ๑ กลาป คือ ชีวิตนวกกลาป การเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหมนั้น เป็นผลของปัญจมฌานที่คลายความยินดีในนามธรรม เพราะเห็นโทษของนามธรรมที่เป็นไปตามกิเลส จึงปรารถนาที่จะไม่มีนามธรรม เมื่อปัญจมฌานกุศลจิตไม่เสื่อม และปัญจมฌานกุศลจิตเกิดก่อนจุติจิต ด้วยความหน่ายในนามธรรม จึงเป็นปัจจัยให้รูปปฏิสนธิในอสัญญสัตตาพรหมภูมิ มีอายุ ๕๐๐ กัปป์ เมื่อไม่มีนามธรรมเกิดเลย จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อจุติ (ก่อนเป็นอสัญญสัตตาพรหม) ด้วยอิริยาบถใด รูปปฏิสนธิของอสัญญสัตตาพรหม ก็เป็นอิริยาบถนั้นจนกว่ารูปจะจุติ และกุศลกรรมหนึ่งจึงเป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิต และกัมมชรูปเกิดในกามสุคติภูมิ วนเวียนเป็นกิเลส กรรม วิบากต่อไป ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับกิเลสเป็นสมุจเฉท
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
ขอเรียนถามว่า
๑. เฉพาะกุศลกรรมเท่านั้นหรือ ที่เป็นปัจจัยทำให้อสัญญสัตตาพรหมปฏิสนธิ.?
๒. พระเสขบุคคลเกิดในอสัญญสัตตาพรหมได้หรือไม่จากการเจริญปัญจมฌานกุศลจิต และถ้าได้ ท่านจะสามามารถเจริญวิปัสสนาเพื่อการบรรลุอริยสัจจธรรมเป็นพระอริยบุคคลที่สูงขึ้นได้หรือไม่ อย่างไร คะ
ขอความกรุณาแนะนำด้วยนะคะ ขอบพระคุณและอนุโมทนา ค่ะ.
... ขออนุโมทนา ...