ใกล้จะล้มละลายแล้ว
จากข้อความตอนหนึ่งของการบรรยายแนวทางวิปัสสนาครั้งที่ ๑๔๖๔ ทำให้เห็นว่าตนเองนั้นขาดทุนทุกขณะ ถ้าทำธุรกิจก็คงใกล้จะล้มละลายแล้ว แล้วท่านอื่นคิดอย่างไรคะ
สวนานุตตริยะ การฟังอย่างยอดเยี่ยม คือ การฟังเรื่องของสภาพธรรมที่ปรากฏ แล้วพิจารณาจนเข้าใจ มิฉะนั้น แล้วโสตวิญญาณที่ได้ยินเสียง ก็จะนำมาซึ่งโลภะและโทสะอยู่เสมอ ถ้าเป็นเสียงที่ดีก็พอใจ ถ้าเป็นเสียงสรรเสริญก็ฟูขึ้นด้วยความพอใจ ถ้าเป็นเสียงติเตียนก็จมลงด้วยความโทมนัสขัดเคือง เพราะฉะนั้น โสตวิญญาณซึ่งเป็นวิบากจิตเป็นผลของกรรม ทำให้ได้ยินเสียงต่างๆ เป็นสิ่งซึ่งมีเหตุปัจจัยที่ได้ทำแล้วในอดีต คือ กรรมเป็นปัจจัยให้โสตวิญญาณเกิดขึ้น แต่ว่าขาดทุนหรือเปล่า เวลาที่ได้ยินเสียงที่ดี แต่ว่าหลังจากที่ได้ยินแล้ว ขาดทุนไหม ถ้าอกุศลจิตเกิด เพียงได้ยินนิดเดียวแล้วเสียงนั้นก็ดับ ได้ยินก็ดับ ไม่มีอะไรเหลือเลย แต่ว่าโลภมูลจิตสะสมสืบต่อไปอีก โทสมูลจิตก็สะสมสืบต่อไปอีก เพราะฉะนั้น ก็น่าคิดว่า การได้ยินแต่ละครั้ง การเห็นแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเห็นสิ่งที่ดีประณีตสักเท่าไร หรือว่าได้ยินเสียงที่น่าพอใจสักเท่าไร ขาดทุนหรือเปล่า ถ้าอกุศลจิตเกิดก็ขาดทุน ได้ทุนมาดี คือ ได้ยินเสียงที่ดี น่าพอใจ แต่ว่ากลับขาดทุนเพราะเหตุว่าอกุศลจิตเกิด
เพราะฉะนั้น การฟังพระธรรมเพื่อที่จะระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติ ตามความเป็นจริง จนกว่าปัญญาจะรู้ชัด แล้วไม่ต้องนึกถึงผล ถ้าสติเกิดก็ศึกษาลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเท่านั้นเอง และปัญญาที่ค่อยๆ รู้ขึ้น จะละความสงสัย บางคนก็บอกว่าสติเกิดบ่อย ปัญญาเพิ่มขึ้น ลืมคิดว่า ความสงสัยลดลงหรือเปล่า ไม่ใช่เพียงปัญญาเพิ่มขึ้น แต่ว่าความสงสัย ความไม่รู้ในลักษณะของสภาพธรรมต้องลดลงด้วย หรือไม่ก็คลายลงบ้าง
ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตาที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น เริ่มเห็นอย่างนี้หรือยัง ไม่มีอะไรเลย นอกจากสิ่งที่กำลังปรากฏและก็ยึดถือว่าเป็นบุคคลต่างๆ เป็นสิ่งต่างๆ ถ้าตราบใดที่ยังยึดถืออยู่ ก็เป็นอัตตสัญญา
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1464
กัสสปโคตตสูตร
พระเถระแสดงธรรมแก่พรานล่าเนื้อที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง จึงเสียประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สวนานุตตริยะ การฟังที่ยอดเยี่ยม คือ การฟังเรื่องของสภาพธรรมที่ปรากฏ แล้วพิจารณาจนเข้าใจ ได้ทุนมาดี คือ ได้ฟังเสียงที่ดี แต่ขาดทุน เพราะเกิดโลภะ โทสะหลังการได้ยินนั้น
สวนานุตตริยะ การฟังอย่างยอดเยี่ยม คือ การฟังเรื่องของสภาพธรรมที่ปรากฏ แล้วพิจารณาจนเข้าใจ
สาธุ
ขณะอ่านหรือฟังธรรมเข้าใจ เห็นด้วย ก็ว่าดี ดีมาก ดีมากๆ
พอผ่านไป ก็หลงลืม โดยเฉพาะเมื่อประสบกับเหตุการณ์จริง ผัสสะ กระทบ (เป็นเหตุใกล้ให้เกิด) เวทนา [สุข ทุกข์] ขณะนั้นก็ลืม การระลึกแทรกคั่นมีน้อยกว่า จนเมื่อผ่านไป จึงตามระลึกได้บ้าง
พิสูจน์กันที่ผัสสะ ในชีวิตประจำวัน เพราะสภาพธรรมทั้งหลาย บังคับบัญชาไม่ได้ (กุศลและอกุศล) หากคิดว่าต้องกำไร ก็ย่อมมีขาดทุน
เพียงค่อยๆ ละคลายความสงสัย ว่าเป็นสภาพธัมมะ??
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สภาพธรรมทั้งหลายเมื่อเกิดขึ้นและดับไปย่อมสะสมต่อไปที่จิตขณะต่อไป ที่
เกิดขึ้น กุศลเมื่อเกิดขึ้นและดับไปก็สะสมต่อไป อกุศลเมื่อเกิดขึ้นและดับไปก็สะสมต่อไป แต่กุศลจะไม่ปนกับอกุศลเลย ดังนั้นการที่จิตสะสมอกุศลมามากมายและต่อไปก็สะสมอกุศลต่อไปอีก ก็จะไม่ปะปนกับกุศลที่สะสมมาในอดีต ในขณะนี้และต่อไปที่จะสะสม ขณะนี้ได้ลาภอันประเสริฐ ได้ฟังพระธรรมอันยอดเยี่ยมอันเป็นการฟังที่ยอดเยี่ยม ขณะที่เข้าใจ ปัญญาเจริญขึ้น ขณะนั้นก็สะสมความเข้าใจไป แม้อกุศลจะเกิดต่อก็คนละส่วนกันครับ เพราะฉะนั้นแม้ปัญญาจะเกิดน้อยแต่ค่อยๆ เจริญขึ้น ก็สามารถดับกิเลสได้ แม้กิเลสนั้นจะสะสมมากเท่าไหร่ก็ตามครับ เพียงแต่ต้องเริ่มจากความเข้าใจถูกในหนทางที่ถูกอย่างแท้จริงครับ
ขออนุโมทนา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ -หน้าที่ 14
พระศาสดาทรงแสดงธรรม พระศาสดาทรงสดับคำของเขาแล้ว ตรัสว่า " พราหมณ์ ธรรมดาบัณฑิตทั้งหลายทำกุศลอยู่คราวละน้อยๆ ทุกๆ ขณะ, ย่อมนำมลทินคืออกุศลของตน ออกโดยลำดับทีเดียว" ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :- "ผู้มีปัญญา (ทำกุศลอยู่) คราวละน้อยๆ ทุกๆ ขณะ โดยลำดับ พึงกำจัดมลทิน (อกุศล) ของตนได้ เหมือนช่างทองปัดเป่าสนิมทองฉะนั้น."
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์