ความจริงแห่งชีวิต [134] พุทธญาณ ชื่อว่า อนันตะ แท้ แม้กว่า อนันตะทั้ง ๓ นั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอสังขาริกจิตและสสังขาริกจิต เพื่อให้เห็นความละเอียดของจิตว่า แม้เป็นจิตที่มีจำนวนเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่ากัน ไม่ต่างกันเลย แต่สภาพของจิตก็ต่างกันเป็นอสังขาริก และสสังขาริก ตามกำลังของเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย เพื่อที่จะให้เห็นพระมหากรุณาคุณของพระผู้มีพระภาคที่ทรงพระมหากรุณาแสดงพระธรรมโดยละเอียด ข้อความในอัฏฐสาลินี อรรถกถา ธัมมสังคณีปกรณ์ จิตตุปปาทกัณฑ์แสดง “อนันตะ” ความกว้างใหญ่ที่สุด ๔ อย่างว่า
ในที่นี้ท่านถือเอา "อนันตะ" ๔ อย่าง ก็อนันตะ ๔ อย่าง คือ อากาศเป็นอนันตะไม่มีที่สุด ๑ จักรวาลเป็นอนันตะไม่มีที่สุด ๑ สัตตนิกาย คือ หมู่สัตว์เป็นอนันตะไม่มีที่สุด ๑ พุทธญาณเป็นอนันตะไม่มีที่สุด ๑
จริงอยู่การกำหนดอากาศว่าในทิศบูรพา ในทิศปัจฉิม ในทิศอุดรหรือในทิศทักษิณ มีเท่านั้นร้อยโยชน์ หรือมีเท่านั้นพันโยชน์ย่อมไม่ได้ (ลองกำหนดอากาศทางทิศตะวันออกว่า มีเท่าไร กี่โยชน์ กี่ร้อยโยชน์ กี่พันโยชน์ ก็ไม่มีใครกำหนดได้แม้ทิศอื่นๆ ก็โดยนัยเดียวกัน) แม้จะพึงเอาฆ้อนเหล็กขนาดเท่าเขาสิเนรุทุบแผ่นดินแยกเป็น ๒ ส่วนแล้วโยนฆ้อนเหล็กไป ฆ้อนเหล็กก็พึงตกลงไปข้างล่างโดยแท้ หามีที่รองรับไว้ได้ไม่ ชื่อว่าอากาศเป็นอนันตะ คือ ไม่มีที่สิ้นสุดเลยอย่างนี้
การกำหนดจักรวาลทั้งหลายว่ากี่ร้อย กี่พัน หรือกี่แสนจักรวาลย่อมไม่ได้ จริงอยู่แม้ถ้าว่าท้าวมหาพรหมทั้ง ๔ ผู้เกิดในอกนิฏฐภพ (รูปพรหมภูมิชั้นสุทธาวาสชั้นที่ ๕ ซึ่งเป็นรูปพรหมภูมิชั้นสูงที่สุด) ผู้มีความเร็วขนาดที่สามารถผ่านแสนจักรวาลไปได้ ชั่วเวลาเพียงเท่าที่ลูกศรที่เร็วมากของนายขมังธนูผู้มีกำลังแข็งแรง ผ่านเงาต้นตาลด้านขวางจะพึงวิ่งมา ด้วยความเร็วขนาดนั้น ด้วยคิดว่าเราจักดูขอบแห่งจักรวาล ท้าวมหาพรหมเหล่านั้นไม่ทันได้เห็นขอบแห่งจักรวาลก็จะพึงปรินิพพานก่อนโดยแท้ จักรวาลทั้งหลายจึงชื่อว่าเป็นอนันตะไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนี้
ก็ประมาณแห่งสัตว์ที่อยู่ในนํ้า และที่อยู่บนบก ในจักรวาลทั้งหลายว่า มีประมาณเท่านี้ ย่อมไม่มี สัตตนิกายจึงชื่อว่า อนันตะ (ไม่มีที่สิ้นสุด) อย่างนี้
พุทธญาณ ชื่อว่า อนันตะแท้แม้กว่าอนันตะทั้ง ๓ นั้น
อากาศก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีใครสามารถจะวัดว่ากี่ร้อย กี่พัน กี่แสนโยชน์ หรือแม้จักรวาล ก็ไม่มีใครสามารถจะนับได้ว่าทั้งหมดมีเท่าไร ใครอยากจะนับดาว นับจักรวาล ก็ไม่มีวันสำเร็จ เพราะว่าจักรวาลเป็นอนันตะไม่มีที่สิ้นสุด หรือแม้สัตตนิกาย คือ หมู่สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในจักรวาลก็ไม่มีใครสามารถทำสถิติว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ทั้งมนุษย์ ทั้งเทพ ทั้งพรหม ทั้งสัตว์บก สัตว์นํ้า ทั้งสัตว์ในอบาย แต่พุทธญาณชื่อว่าเป็นอนันตะ คือ ไม่มีที่สิ้นสุดแม้กว่าอนันตะทั้ง ๓ นั้น คือบรรดาสัตว์ที่หาประมาณมิได้ ในจักรวาลอันหาประมาณมิได้ ในอากาศอันหาประมาณมิได้ อย่างนี้
เมื่อคิดถึงสัตว์ทั้งหลายที่มีอยู่ในจักรวาลมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว จิตของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นจะวิจิตรต่างๆ กันมากสักเพียงไหน
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
"อากาศ" ก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีใครสามารถจะวัด อากาศ ว่ามีกี่ร้อย กี่พัน กี่แสนโยชน์ หรือแม้ "จักรวาล" ก็ไม่มีใครสามารถนับได้ว่าทั้งหมดมีเท่าไร ใครอยากจะนับดาว นับจักรวาล ก็ไม่มีวันสำเร็จ เพราะว่า "จักรวาล" เป็น "อนันตะ" คือ ไม่มีที่สิ้นสุด หรือแม้ "สัตตนิกาย" คือ หมู่สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในจักรวาลก็ไม่ใครสามารถทำสถิติว่ามีจำนวนเท่าไร รวมทั้งมนุษย์ ทั้งเทพ ทั้งพรหม ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ในอบายภูมิ
แต่ "พุทธญาณ" ชื่อว่า "อนันตะ" คือ ไม่มีที่สิ้นสุดแม้กว่าอนันตะทั้ง ๓ ได้แก่ บรรดาสัตว์อันหาประมาณมิได้ จักรวาลอันหาประมาณมิได้ อากาศอันหาประมาณมิได้
เมื่อคิดถึงสัตว์ทั้งหลายที่มีอยู่ในจักรวาลทั้งหลายย่อมมีมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว จิตของสัตว์เหล่านั้นจะวิจิตรต่างๆ กันมากสักเพียงไหน
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่ และ สรรพสัตว์