ความจริงแห่งชีวิต [146] นี่เป็นความต่างกันของจิตแต่ละขณะ ในชีวิตประจำวัน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อกุศลจิตเกิดร่วมกับอกุศลเจตสิก คือ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ฉะนั้น อกุศลจิตไม่ใช่โสภณจิตแน่นอน
จักขุวิญญาณ ไม่ได้เกิดร่วมกับโลภะ โทสะ โมหะ และโสภณเจตสิกใดๆ เลย จักขุวิญญาณเกิดร่วมกับเจตสิกเพียง ๗ ดวง คือ ผัสสเจตสิก เวทนาเจตสิก สัญญาเจตสิก เจตนาเจตสิก เอกัคคตาเจตสิก ชีวิตินทริยเจตสิก มนสิการเจตสิก ซึ่งเจตสิกทั้ง ๗ ดวงนี้ เป็นสัพพจิตตสาธารณเจตสิก คือ เป็นเจตสิกที่ต้องเกิดกับจิตทุกดวง จิตจะเกิดขึ้นโดยปราศจากเจตสิก ๗ ดวงนี้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอกุศลจิต กุศลจิต วิบากจิต กิริยาจิต โลกุตตรจิต หรือจิตใดๆ ก็ตามต้องมีเจตสิก ๗ ดวงนี้เกิดร่วมด้วย เจตสิก ๗ ดวงซึ่งเป็นสัพพจิตตสาธารณเจตสิกนี้ เป็นอัญญสมานาเจตสิก คือเป็นเจตสิกที่เกิดกับจิตใดก็เสมอกับจิตนั้นๆ เมื่อเกิดกับอกุศลจิต สัพพจิตตสาธารณเจตสิก ๗ ดวงนี้ก็เป็นอกุศล เมื่อเกิดกับกุศลจิต สัพพจิตตสาธารณเจตสิก ๗ ดวงนี้ก็เป็นกุศล เป็นต้น
จักขุวิญญาณเป็นวิบากจิตที่มีสัพพจิตตสาธารณเจตสิกเกิดร่วมด้วยเพียง ๗ ดวงเท่านั้น ไม่มีโสภณเจตสิกหรืออกุศลเจตสิกใดๆ เกิดร่วมด้วยเลย ฉะนั้น จักขุวิญญาณจึงเป็นอโสภณจิต แต่ไม่ใช่อกุศลจิต
การศึกษาธรรมนั้นจะต้องเข้าใจโดยละเอียด แม้แต่อกุศลธรรม และอโสภณธรรมต่างกันอย่างไร
อกุศลธรรมเป็นสภาพธรรมที่เลวทรามเป็นโทษ เป็นเหตุที่จะให้เกิดผลเป็นวิบากที่ไม่น่าพอใจ เป็นทุกข์ อโสภณธรรมเป็นจิตและเจตสิกที่ไม่มีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วย พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรมโดยนัยต่างๆ ตามสภาพของธรรมนั้นๆ ซึ่งผู้ศึกษาก็จะต้องพิจารณาโดยละเอียดให้เข้าใจถูกต้องตามสภาพธรรมนั้นๆ เมื่อทรงแสดงโดยประเภทของหมวด ๓ คือ กุศลธรรม อกุศลธรรม และอัพยากตธรรม ก็จะต้องรู้ว่ากุศลธรรมเป็นสภาพธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดกุศลวิบาก อกุศลธรรมเป็นสภาพธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดอกุศลวิบาก และอัพยากตธรรมเป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล ฉะนั้น อัพยากตธรรมจึงได้แก่ วิบากจิตและเจตสิก กิริยาจิตและเจตสิก รูป นิพพาน ฉะนั้น อัพยากตธรรมจึงไม่ใช่แต่เฉพาะจิตและเจตสิกที่เป็นวิบาก และกิริยา รูปปรมัตถ์และนิพพานปรมัตถ์ก็เป็นอัพยากตธรรม รูปและนิพพานเป็นกุศลหรืออกุศลไม่ได้ เพราะรูปและนิพพานไม่ใช่จิตและเจตสิก เมื่อทรงแสดงประเภทของธรรมโดยหมวด ๓ ทรงแสดงปรมัตถธรรมทั้ง ๔ แต่เมื่อทรงแสดงโดยชาติ ๔ หมายเฉพาะจิตและเจตสิกเท่านั้น
โดยชาติ ๔ นั้น อกุศลจิตและเจตสิกที่เกิดร่วมกันเป็นอโสภณะ กุศลจิตและเจตสิกที่เกิดร่วมกันเป็นโสภณะ วิบากจิตและกิริยาจิตใดไม่มีโสภณเจตสิก เช่น อโลภเจตสิก และอโทสเจตสิก เป็นต้น เกิดร่วมด้วย วิบากจิตและกิริยาจิตนั้นเป็นอโสภณะ คือ ไม่เกิดร่วมกับโสภณเจตสิก ส่วนวิบากจิตและกิริยาจิตใดมีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วย วิบากจิตและกิริยาจิตนั้นเป็นโสภณะ
จักขุวิญญาณกุศลวิบาก ๑ ดวง และจักขุวิญญาณอกุศลวิบาก ๑ ดวง มีแต่สัพพจิตตสาธารณเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ดวงเท่านั้น
โสตวิญญาณกุศลวิบาก ๑ ดวง และโสตวิญญาณอกุศลวิบาก ๑ ดวง มีแต่สัพพจิตตสาธารณเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ดวงเท่านั้น
ฆานวิญญาณกุศลวิบาก ๑ ดวง และฆานวิญญาณอกุศลวิบาก ๑ ดวง มีแต่สัพพจิตตสาธารณเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ดวงเท่านั้น
ชิวหาวิญญาณกุศลวิบาก ๑ ดวง และชิวหาวิญญาณอกุศลวิบาก ๑ ดวง มีแต่สัพพจิตตสาธารณเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ดวงเท่านั้น
กายวิญญาณกุศลวิบาก ๑ ดวง และกายวิญญาณอกุศลวิบาก ๑ ดวง มีแต่สัพพจิตตสาธารณเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ดวงเท่านั้น
ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ ดวง จึงเป็นอโสภณจิตและจิตอื่น (นอกจากจิต ๑๐ ดวงนี้) ที่ไม่มีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วยก็เป็นอโสภณจิตทั้งสิ้น ฉะนั้น กุศลวิบากจิตจึงไม่ใช่โสภณจิตทุกดวง กุศลวิบากจิตที่มีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วยก็เป็นโสภณจิต กุศลวิบากจิตที่ไม่มีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วยก็ไม่ใช่โสภณจิต นี่เป็นความต่างกันของจิตแต่ละขณะในชีวิตประจำวัน ปฏิสนธิจิตของภูมิมนุษย์กับปฏิสนธิจิตของอบายภูมิเป็นผลของกรรมต่างกัน ผู้ที่ปฏิสนธิในอบายภูมินั้นปฏิสนธิจิตเป็นอกุศลวิบากจิต เป็นผลของอกุศลกรรม จึงเกิดในนรกภูมิ หรือเกิดในปิตติวิสัยภูมิ (เปรต) หรือเกิดในอสุรกายภูมิ หรือเกิดในดิรัจฉานภูมิ ปฏิสนธิจิตของผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาชั้นต่างๆ เป็นกุศลวิบากจิตเป็นผลของกุศลกรรมหนึ่ง จึงทำให้เกิดในสุคติภูมิ
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่ และ สรรพสัตว์