ละโกรธ ยังไม่ได้

 
gaga
วันที่  17 ก.ย. 2552
หมายเลข  13591
อ่าน  1,419
ตั้งใจพยายามละความโกรธ สามารถทำได้พอสมควรกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว แต่กับคนในครอบครัว ไม่ว่าสามี ลูก พี่ชาย ทำไมถึงยังละไม่ได้ ในบางครั้ง ทั้งที่พยายามเข้าใจและปฏิบัติตามข้อธรรมะ ทั้งที่เรื่องที่โกรธเป็นเรื่องเล็กน้อย ช่วยให้ข้อแนะนำด้วย

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 18 ก.ย. 2552

ขอเชิญคลิกอ่านที่กระทู้ ..

ขี้โกรธ

โทษของความโกรธ [กกจูปมสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ธนกฤต
วันที่ 18 ก.ย. 2552

สวัสดีครับเอาธรรมมาฝากครับ

ความโกรธมันเป็นธรรมที่อยู่คู่โลก ถ้าไม่อยากจะโกรธ ก็คือไม่ต้องมาเกิดให้ได้เจอกับมันอีก ปล่อยมันทิ้งเอาไว้ในโลกนี้แหละ อย่ามาเจอกับมันอีกเลย แต่มันทำได้ยากมากๆ

เมื่อยังต้องมาเวียนว่ายตายและเกิดอยู่ในโลกนี้ ทั่วทุกตัวคนสัตว์ ก็ต้องได้เจอกับมันล่ะ เจ้าความโกรธนี่นะ การที่จะรับมือกับความโกรธ ถึงขนาดที่ทั้งโกรธและทั้งให้อภัยพร้อม ผู้นั้นต้องได้เรียนรู้จักความโกรธมาดี และมีสติดียอดเยี่ยม ถึงจะทำได้ แต่มันก็ทำได้ยากมากๆ
การที่ความคิดวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ฐานแห่งความโกรธ และพร้อมเสมอที่จะปะทุ ก็ต้องมีความพยายามที่จะหักเหความคิดออกไปให้ไกลๆ จากฐานของความโกรธซะก่อนคิดเสียว่า ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นให้ได้รับรู้นี้ เป็นที่สิ่งที่เราได้สร้างเอาไว้เองแทนที่จะตำหนิเขา ก็หันกลับมาตำหนิตนเองดีกว่า ที่ตนเองนี่แหละ ไม่ได้รักตนเองจริง ได้สร้างเหตุแห่งการรังแกตนเองไว้แล้ว ผลอันนั้นจึงได้มาเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ให้ได้รับความคับแค้นขึ้น แม้ใจเราจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม แต่นี่ก็คือความจริง นี่คือสิ่งที่เราได้สร้างเอาไว้ให้เราเอง ตอนนี้เราได้เจอกับมันแล้ว ถ้าจะหาทางแก้แค้นกันและกันต่อไป รสชาติของความเจ็บปวดอันนี้ก็จะไม่หายไปใหน เดี๋ยวก็ได้วนมาเจอกับมันอีกจนได้ เจ็บปวดกันกลับไปกลับมา ทีเราบ้างทีเขาบ้าง เลยหาที่สิ้นสุดกันไม่ได้ซักที การกระทำเช่นนี้ไม่ชื่อว่า เป็นผู้รักตนเลย
พระพุทธเจ้าสอนว่า ผู้ที่รักตน ไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น แม้จะถูกทำให้เจ็บปวดคับแค้น ก็ให้อดทนอดกลั้นให้ได้

พระองค์ทรงสรรเสริญความอดทน ว่าเป็นคุณธรรมเครื่องเผากิเลสได้อย่างยอดเยี่ยม
ขอความโกรธ จงอยู่ในอำนาจของท่านทั้งหลาย ขอความเสื่อมคลายในมิตรธรรม อย่าได้เกิดมีแก่ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่าได้ติเตียนผู้ที่ไม่ควรติเตียนและอย่าได้พูดคำส่อเสียดเลย ก็ความโกรธ เปรียบปานดังภูเขา ย่อมย่ำยี คนลามก.

เรื่องการอดทน ไม่ให้ความโกรธเกิดขึ้นมาทำร้ายจิตได้ ก็ได้บุญมากตายแล้วไปสวรรค์

ที่ขุททกนิกาย คาถาธรรมบทเล่ม 42 หน้า 448 สมัยหนึ่ง พระโมคคัลลานเถระไปยังเทวจาริก ยืนอยู่ที่ประตูวิมานของเทพธิดาผู้มีศักดิ์มากแล้ว จึงพูดอย่างนั้นกะเทพธิดาองค์นั้น ผู้มาสู่สำนักของตน ไหว้แล้วยืนอยู่ว่า " เทพธิดา สมบัติของท่านมากมาย, ท่านได้เพราะทำกรรมอะไร? "

เทพธิดากล่าวว่า. อย่าถามดิฉันเลย เจ้าข้า.

นัยว่า นางเทพธิดาละอายอยู่ด้วยกรรมอันเล็กน้อยของตน จึงได้พูดอย่างนั้น. ก็เทพธิดานั้น อันพระเถระกล่าวอยู่ว่า " จงบอกเถิด " จึงพูดว่า " ท่านผู้เจริญ ทานดิฉันก็มิได้ถวาย, การบูชาก็มิได้ทำ,

พระธรรมก็มิได้ฟัง, รักษาเพียงคำสัตย์อย่างเดียว. "


พระเถระ ไปยังประตูวิมานแม้อื่นแล้ว ก็ถามเทพธิดาแม้อื่นผู้มาแล้วๆ ถึงเมื่อเทพธิดาเหล่านั้น ไม่อาจเพื่อจะปกปิดเกียดกันพระเถระได้อย่างนั้นนั่นแล
เทพธิดาองค์หนึ่งจึงพูดก่อนว่า " ท่านผู้เจริญ บรรดาบุญกรรมมีทานเป็นต้นชื่อว่าบุญกรรมอันดิฉันทำแล้ว ไม่มี, แต่ในกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปดิฉันได้เป็นทาสีของคนอื่น, นายของดิฉันนั้น ดุร้ายหยาบคายเหลือเกิน ย่อมเอาไม้บ้าง ท่อนฟืนบ้างที่ตัวพลันฉวยได้ๆ ตีที่ศีรษะ, ดิฉันนั้นเมื่อความโกรธเกิดขึ้น,ก็นึกติตัวเองเท่านั้นว่า นายของเจ้านี่เป็นใหญ่ เพื่อจะทำเจ้าให้เสียโฉมก็ได้ เพื่อจะตัดอวัยวะมีจมูกเป็นต้น ของเจ้าก็ได้ เจ้าอย่าโกรธเลย ดังนี้แล้ว ก็ไม่ทำความโกรธ ด้วยเหตุนั้น ดิฉันจึงได้สมบัตินี้. "

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
akrapat
วันที่ 18 ก.ย. 2552

ยังละไม่ได้หรอกครับ ตราบใดที่ยังมีเราเป็นผู้ละ และเราเป็นผู้โกรธ คนส่วนใหญ่เวลาโกรธคนอื่น จะหายโกรธได้เร็ว เพราะคนเหล่านั้น ไม่ใช่ญาติ เรา แต่พอคนไกล้ตัว ลูกเมีย พ่อ แม่ ญาติ จะโกรธนาน เพราะนั้นคือคนของเรา สังเกตุนะครับเพราะยังมีความเห็นผิดว่าเป็น เรา หรือเป็นของเรา ภูมิธรรมระดับพระอนาคา ขึ้นไปจึงละได้

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
gaga
วันที่ 18 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ และจะพยายามลด และละ ให้ได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 18 ก.ย. 2552

ในประเด็นที่ไม่โกรธคนอื่น แต่โกรธคนใกล้ชิดนั้น

ผมขออนุญาตวิเคราะห์ว่า

เมื่อบุคคลอื่นกระทำเหตุให้เกิดความโกรธ

จริงๆ เรายังโกรธอยู่ แต่เราไม่ได้แสดงออก

ก็เพราะมีความละอายต่อผู้อื่น

โดยรู้ในใจว่า การแสดงกิริยาโกรธ นั้นเป็นสิ่งไม่ดี

ผู้อื่นจะนำไปนินทาว่ากล่าวเราในทางไม่ดี

แต่กับคนใกล้ชิด สามี ภรรยา ลูก พี่น้อง

ความละอายลดลง เพราะ เป็นคนใกล้ชิด ไม่ต้องเกรงใจ

และไม่กลัวว่าจะนำไปโฆษณาให้คนอื่นรู้

ก็เลยแสดงความโกรธทางกายและวาจาได้อย่างเต็มที่สุดๆ

จึงเห็นได้ว่า เรายังไม่เข้าใจถึง โทษของ "ความโกรธ" จริงๆ

เพราะถ้าเข้าใจจริงๆ แล้ว เราจะละการกระทำทางกายและวาจาที่เกิดจากความโกรธได้กับทุกคน

ดังนั้น จึงต้องทำความเข้าใจให้เห็นถึงโทษของความโกรธให้ซึ้งในใจ

หิริโอตัปปะจึงจะค่อยๆ มีมากขึ้นพอที่จะละการลุโทสะทางกายและวาจาได้

ส่วนโทสะที่เกิดขึ้นทางใจนั้น คงต้องศึกษาวิธีตามที่ อ. ประเชิญ แนะนำตามความเห็นที่ ๑ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 18 ก.ย. 2552

ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะครับน่าสนใจมาก

เวลาโกรธ ท่านเป็นดังอสรพิษ ประเภทไหน.........

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 19 ก.ย. 2552

ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชน ความโกรธเป็นเรื่องธรรมดา เพราะได้สะสมมาเป็นอย่างนี้

การทีได้พบได้คุย ได้คลุกคลีกับใครก็ตาม ย่อมมีการกระทบกันเป็นธรรมดา ยิ่งสนิท

ก็ยิ่งทำให้ขาดความเกรงใจ เพราะต่างคนต่างก็ยังมีกิเลส โกรธได้ แต่อย่าผูกโกรธ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ