ความจริงแห่งชีวิต [161] จิต และ เจตสิก เกิด-ดับ-สืบต่อกันอย่างรวดเร็ว
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
นามธรรม คือ จิต และเจตสิกเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว ขณะที่นั่งอยู่อย่างนี้ ดูเสมือนกับทั้งเห็นด้วยและได้ยินด้วย แต่ความจริงวิถีจิตอาศัยทวารหนึ่งเกิดขึ้น รู้อารมณ์ทางทวารนั้น แล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว ทวารละหนึ่งวาระ (วาระ คือ จิตหลายขณะที่เกิดดับสืบต่อกันทางทวารเดียวกัน) การเกิดดับสืบต่อของจิตรวดเร็วจนกระทั่งไม่สามารถรู้ลักษณะแท้ๆ ของจิตที่เกิดขึ้นทางจักขุทวารว่า เพียงรู้สิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น เมื่อมโนทวารวิถีจิตเกิดขึ้นสืบต่อรับรู้รูปารมณ์ที่ปรากฏทางตาแล้ว ก็จดจำรูปร่างสัณฐานของสิ่งที่ปรากฏ จนลืมว่าสิ่งที่ปรากฏทางตานั้นเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้นจริงๆ
จักขุทวารเปรียบเหมือนสมุทรซึ่งกว้างใหญ่จริงๆ ไม่เต็ม สามารถที่จะเห็นพระจันทร์ พระอาทิตย์ ดวงดาวต่างๆ ซึ่งอยู่แสนไกล ที่กระทบจักขุปสาทแล้วก็ปรากฏแก่จักขุทวารวิถีจิตได้ จึงทำให้ดูเหมือนว่า เป็นโลกซึ่งเต็มไปด้วยวัตถุ จักรวาล สัตว์ บุคคลต่างๆ เต็มไปหมด แต่ความเป็นจริงนั้นจิตคิดนึกถึงรูปร่างสัณฐานของธาตุดิน นํ้า ไฟ ลม ที่ปรากฏให้เห็น เป็นสัตว์บ้าง เป็นบุคคลต่างๆ บ้าง เป็นพระจันทร์ พระอาทิตย์ ดวงดาว และวัตถุต่างๆ ซึ่งเมื่อกระทบสัมผัสกาย เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว ก็ปรากฏ ผู้ที่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงประจักษ์ว่า โลก คือธรรมที่แตกสลาย เกิดดับอย่างรวดเร็ว โดยมโนทวารวิถีจิตจดจำสัณฐานของสิ่งที่ปรากฏทางตา จำเสียงสูงตํ่าที่ปรากฏทางหู ฯลฯ เป็นความหมายคำบัญญัติของสิ่งต่างๆ ซึ่งก็ไม่มีสภาพธรรมใดเลยที่เกิดขึ้นแล้วไม่ดับไป
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่ และสรรพสัตว์