กุศลจิตของพระอนาคามีบุคคลเป็นกิเลสวัฏฏ์หรือไม่

 
Sam
วันที่  7 ม.ค. 2553
หมายเลข  15033
อ่าน  1,863

เมื่อกล่าวโดยนัยของ วัฏฏะ ๓ อันได้แก่ กิเลสวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ และวิปากวัฏฏ์ ขอความกรุณาท่านผู้รู้ช่วยอธิบายว่า จิตประเภทต่างๆ ทั้งที่เป็นวิถีจิต และไม่เป็นวิถีจิต จิตประเภทใดเป็นวัฏฏะ ๓ บ้าง และ (จิตประเภทนั้นๆ) เป็นวัฏฏะใดครับ และเมื่อกล่าวโดยอุกฤษแล้ว กุศลจิตของพระอนาคามีบุคคล เป็นกิเลสวัฏฏ์ หรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 7 ม.ค. 2553

รายละเอียดวัฏฏะ ๓ มีอยู่ที่กระทู้

กัมมวัฏฏ์

กิเลสวัฏฏ์

วิปากวัฏฏ์

กุศลเจตนาของพระอนาคามีบุคคล เป็นกัมมวัฏฏ์ครับ ส่วนกิเลสที่ท่านยังดับไม่ได้ เป็นกิเลสวัฏฏ์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 7 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 7 ม.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอนาคามี เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๓ เป็นผู้ที่ดับความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ได้ เป็นผู้ที่ดับความโกรธ ได้ แต่ท่านยังไม่สามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากว่ายังมีโลภะ ความติดข้องในภพ ยังมีมานะ และ ยังมีอวิชชา รวมถึงอกุสลธรรมที่เกิดร่วมกันด้วย เช่น อหิริกะ (ความไม่ละอาย) อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัว) เป็นต้น กิเลสเหล่านี้ จะถูกดับได้อย่างเด็ดขาด เมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์ ดังนั้น จิตของพระอนาคามี มีครบทั้ง ๔ ชาติ คือ จิตเกิดขึ้นเป็นกุศล จิตเกิดขึ้นเป็นอกุศล จิตเกิดขึ้นเป็นวิบาก และจิตเกิดขึ้นเป็นกิริยา จึงยังไม่พ้นจากวัฏฏะไปได้ จนกว่าจะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ดังนั้น ความจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ครับ ...

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
พุทธรักษา
วันที่ 8 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
hadezz
วันที่ 8 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Sam
วันที่ 8 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

ขอเรียนถามเพิ่มเติมครับว่า กิเลสวัฏฏ์ อันได้แก่กิเลสที่ยังไม่ได้ดับนั้น หมายรวมถึงอนุสัยกิเลสที่นอนเนื่องในจิตทุกขณะของผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ด้วยหรือไม่ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
prachern.s
วันที่ 8 ม.ค. 2553

เรียนความเห็นที่ 6

ใช่ครับ

กิเลสวัฏฏ์ ควรจะรวมกิเลสทุกระดับ ที่ยังดับไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Sam
วันที่ 8 ม.ค. 2553

เข้าใจแล้วครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 8 ม.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เมื่อว่าโดยความเป็นปัจจัยแล้ว เพราะมีอวิชชา (ความไม่รู้) จึงมีสังขาร (เจตนาที่ทำกุศลหรืออกุศล) และเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณคือการเกิดใหม่ (วิปากวัฏฏ์) เพราะฉะนั้น เมื่อมีกิเลส (กิเลสวัฏฏ์) จึงทำให้ทำกุศลกรรมและอกุศลกรรม (กรรมวัฏฏ์) และเป็นปัจจัยให้เกิดในภพภูมิต่างๆ (วิปากวัฏฏ์) สำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์แล้ว ยังมีกิเลส ยังมีความไม่รู้จึงเป็นปัจจัยให้จิตเป็นไปในกุศลหรืออกุศลและย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดในภพภูมิต่อๆ ไป พระอนาคามีผู้ยังไม่ได้ดับกิเลส ยังมีความไม่รู้ (กิเลสวัฏฏ์) จึงทำให้มีเหตุปัจจัยให้เกิดสังขารคือเกิดการกระทำที่เป็นกุศลหรือการกระทำที่เป็นอกุศล (กรรมวัฏฏ์) อันเป็นปัจจัยให้เกิดในภพภูมิต่างๆ (วิปากวัฏฏ์) เพราะฉะนั้นกุศลจิตและอกุศลจิตของพระอนาคามีและของผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ทั้งหมดจึงเป็นกรรมวัฏฏ์นั่นคือกุศลกรรมและอกุศลกรรมนั่นเอง อันเกิดจากกิเลสคือความไม่รู้เป็นหัวหน้าให้ทำกุศลและอกุศลครับ

[เล่มที่ 77] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 556

จริงอยู่ อวิชชาเป็นประธานแห่งวัฏฏะ ๓ (กิเลสวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ และวิปากวัฏฏ์) เพราะว่า ด้วยการยึดถืออวิชชา กิเลสวัฏฏ์ฏะที่เหลือ และกรรมวัฏฏ์ฏะ เป็นต้น ย่อมผูกพันคนพาลไว้เหมือนการจับศีรษะงู สรีระงูที่เหลือก็จะพันแขนอยู่ แต่เมื่อตัดอวิชชาขาดแล้วย่อมหลุดพ้นจาววัฏฏะเหล่านั้น เหมือนบุคคลตัดศีรษะงูแล้วก็จะพ้นจากการถูกพันแขน ฉะนั้นเหมือนอย่างที่ตรัสว่า "เพราะสำรอกอวิชชาโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พุทธรักษา
วันที่ 8 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
วิริยะ
วันที่ 8 ม.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 9 ม.ค. 2553

กิเลสที่เกิดแล้วก็สั่งสมเป็นอนุสัยต่อ กิเลส คือเครื่องเศร้าหมองที่ทำให้เกิดการกระทำ เช่น เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลกรรมและอกุศลกรรม เพราะยังมีอกุศล จึงต้องเจริญกุศล เพื่อละอกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Sam
วันที่ 9 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
bsomsuda
วันที่ 17 ม.ค. 2553

เพราะมีอวิชชา (ความไม่รู้) จึงมีสังขาร (เจตนาที่ทำ กุศลหรืออกุศล) และเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณคือการเกิดใหม่ (วิปากวัฏฏ์) เมื่อมีกิเลส (กิเลสวัฏฏ์) จึงทำให้ทำกุศลกรรมและอกุศลกรรม (กรรมวัฏฏ์) และเป็นปัจจัยให้เกิดในภพภูมิต่างๆ (วิปากวัฏฏ์)

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
majweerasak
วันที่ 21 ม.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
สามา
วันที่ 6 เม.ย. 2554

สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยน่ะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
สามา
วันที่ 31 พ.ค. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 30 เม.ย. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ