ผิดศีลหรือไม่
เรียนถามค่ะ
ถ้าต้องการดื่มยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์เพื่อบำรุงสุขภาพ อยากทราบว่า ผิดศีลข้อห้าหรือไม่ เป็นการดื่มเพื่อบำรุง ไม่ใช่เพื่อการรักษาโรคค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ตามหลักพระวินัยมีว่า อาหารและยา มีส่วนผสมของสุราอยู่ ภิกษุฉันได้ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องไม่มีสี ไม่มีกลิ่นของสุราปรากฏ คือ ปริมาณต้องไม่มาก ซึ่งอาจทำให้เมื่อดื่มแล้วถึงความเมา ศีลข้อห้า ของคฤหัสถ์ทั้งหลายก็มีนัยเดียวกันครับ
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่...
อยู่ที่เจตนา ถ้าเจตนาเพื่อบำรุงสุขภาพ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง จะได้มีชีวิตเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ให้กับตนเองและผู้อื่นด้วย ศีลก็ไม่ขาดค่ะ
ถ้าทำไปแล้ว ไม่เป็นการทำให้ไม่สบายใจเดี๋ยวนี้และภายหลังแล้ว และคุณวิริยะก็ไม่ได้เคร่งอะไรมากมาย ก็น่าจะทำได้ครับ
ว่าแต่ว่า ยาบำรุง นี่บำรุงอะไร ทำไมต้องบำรุง บำรุงเพื่อให้สุขภาพให้แข็งแรงนี่ถือว่า บำรุงกิเลสให้แข็งแรงหรือเปล่า บำรุงร่างกายที่เป็นอัตตาที่เราควรสละทิ้งหรือเปล่า แล้วทำไมต้องมีส่วนผสมของสุรา ด้วยหรือครับ งั้นแสดงว่า บางครั้ง สุราก็เป็นของดีต่อร่างกายน่ะสิครับ หรือเปล่านะ ถ้าดีแล้วทำไมต้องห้ามกินล่ะ แล้วยาบำรุงที่จำเป็นต้องกิน ที่ไม่ต้องมีส่วนผสมของสุรา (ยาพิษในความคิดของผม) นี่มันมีไหมครับ หรือว่า เลี่ยงไม่ได้เลย ต้องกินจริงๆ
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ คือว่า ไม่ว่าข้อใดๆ ที่เกี่ยวกับศีล ถ้าคิดว่ามันน่าจะผิดหรืออาจจะผิด ก็คือผิดจริงๆ ไปแล้ว ถ้าไม่ผิดเลย ก็คือ คิดหาทางให้ผิดยังไงก็หาไม่เจอ ยังไงก็ยังคงถูกอยู่วันยังค่ำ ถ้าคุณวิริยะ เห็นตรงตามประการหลังนี้ ก็กินได้เลยครับ ไม่ผิดเลยจริงๆ เพราะคุณได้ตรึกตรองดีแล้ว
อานิสงค์ของการวิรัติศีล คือ ได้ทำตามกฏเหล็กที่ตัวเองตั้งใจทำไว้ให้สัมฤทธิ์ผล มากกว่าครับ ผลจากการตั้งมั่นที่เกิดขึ้นจะส่งผลในระยะยาว เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เองว่า ทำไมเราต้องวิรัติศีล
ยาสมุนไพรบางชนิดมักจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วย เจตนาในการรับยานั้น ขอยอมรับว่า เกิดจากความรักตัว รักตน ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากนั้น แต่เมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์แล้วไม่สบายใจ จึงเป็นสาเหตุให้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ขอบคุณความเห็นที่ 5 ค่ะ ดิฉันไม่ได้มีกฏเหล็กสำหรับศีลห้าข้อ เพราะไม่สามารถปฏิบัติให้บริสุทธิ์ได้ขนาดนั้น ขออนุโมทนาและขอบคุณนะคะที่ร่วมสนทนาด้วย จะนำไปพิจารณาค่ะว่า ควรจะรับประทานยานั้นๆ ต่อหรือไม่