วันอันตราย ช่วงเวลาอันตราย

 
sutta
วันที่  26 ก.พ. 2553
หมายเลข  15610
อ่าน  1,274

ขณะเห็น และคิด ได้ยินแล้วก็คิด คิดเป็นเรื่องราวในสิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหูด้วยความเป็น เรื่องราวว่าวันนี้ ช่วงเวลานี้อันตราย ขณะที่เป็นผลของกรรมคือขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ความมั่นคงในเรื่องของกรรมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ใครจะได้รับสิ่งดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับ กรรมของแต่ละคน วันนี้ขณะนี้ บางท่านได้รับสิ่งที่ดีบ้าง บางท่านได้รับสิ่งที่ไม่ดีบ้าง ไม่ได้เกี่ยวกับวันไม่ได้เกี่ยวกับช่วงเวลาเฉพาะเจาะจง หากอกุศลกรรมให้ผลแล้วก็ย่อม ได้รับสิ่งที่ไม่ดีเพราะอกุศลกรรมให้ผลในขณะนั้น

การพิจารณาความเป็นจริงจึงต้องพิจารณาตัวสภาพธรรมทีละขณะ ไม่ใช่เรื่อราวตาม สมมติ ตามสถานการณ์ที่เป็นเรื่อราวที่ไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง ขณะนี้กำลังมีคนที่เกิด ทุกขเวทนาทางกาย ไม่ต้องรอวันหรือช่วงเวลาอันตราย ขณะนี้กำลังมีคนตาย ไม่ต้อง รอวันหรือช่วงเวลาอันตรายเพราะฉะนั้นจึงควรเป็นผู้มั่นคงในเรื่องของกรรม เมื่อกรรม ให้ผลก็ไม่พ้นไปจากผลของกรรมได้ ปราสาท ซอกเขาหรือบ้านที่เราอยู่นั่นคือความ เข้าใจว่าเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่ไม่มีสถานที่ใดที่ความตายหรือผลของกรรมจะไม่ให้ ผลไม่มี สถานที่ที่สมมติว่าอันตราย หากอกุศลกรรมไม่ให้ผลก็ไม่มีทางได้รับสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้นความอันตรายอยู่ที่ไหน หากพิจารณาเป็นเรื่อราว ไม่ใช่พิจารณาสภาพธรรมทีละขณะ ก็จะหลงไปตามโลกสมมติว่ามีวันอันตราย มีช่วงเวลาอันตราย

การที่บุคคลได้รับสิ่งที่ไม่ดีเพราะอกุศลกรรมนั้นให้ผล เพราะทำเหตุคืออกุศลกรรม ผลที่ไม่ดีจึงมี ช่วงเวลาอันตรายที่แท้จริงคือขณะที่ทำอกุศลกรรมเพราะกำลังสร้างเหตุ ที่ไม่ดีเพื่อได้รับผลที่ไม่ดีครับ ช่วงเวลาที่ดีคือเวลาที่ทำกุศลกรรม นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดี และที่สำคัญคงไม่มีอะไรประเสริฐกว่าช่วงเวลาที่เข้าใจสภาพธรรมว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราเพราะขณะนั้นจะทำให้เข้าใจความจริง และไม่หลงไปตามโลกสมมติ ประโยชน์ของ พระธรรมคือทำให้เป็นผู้มีความเห็นถูกตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อละความไม่รู้ และ ขัดเกลากิเลส ความเห็นถูกก็จะทำให้เราดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง

เชิญอ่าน

คนจะอยู่ที่ไหนๆ ก็ไม่พ้นจากกรรมชั่ว

เวลาที่เป็นฤกษ์ดี [สุปุพพัณหสูตร]


  ความคิดเห็นที่ 3  
 
พุทธรักษา
วันที่ 26 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 26 ก.พ. 2553

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขณะที่ทำทุจริต ล่วงศีล ขณะนั้นอันตราย เพราะอบายภูมิรออยู่แล้วข้างหน้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วิริยะ
วันที่ 26 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 26 ก.พ. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุคคลใดก็ตามที่เป็นผู้ประพฤติทุจริตทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ขณะนั้นเป็นการกระทำเหตุที่ไม่ดี เป็นอันตรายแล้วในขณะที่เป็นอกุศลกรรม ซึ่งจะเป็นเหตุทำให้ตนเองได้รับผลที่ไม่ดีในภายหน้า โดยที่ไม่มีใครทำให้เลย นอกจากกรรมของตนเองเท่านั้น เพราะเหตุว่าเวลาที่อกุศลกรรมให้ผลนั้น ถึงแม้ว่าจะมีบุคคลอื่นคอยคุ้มครองป้องกันรักษาเพื่อให้รอดพ้นจากอันตรายต่างๆ แต่ อกุศลวิบากซึ่งเป็นการที่จะได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อน เพราะผลของอกุศลกรรมที่ตนเองได้กระทำแล้ว ก็ย่อมเกิดขึ้น บุคคลประเภทนี้ ไม่รักษาตัวเอง ไม่รักตนเองเลย ในทางตรงกันข้ามบุคคลผู้ที่ประพฤติสุจริตทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ ไม่ได้-กระทำสิ่งที่เป็นอันตราย กล่าวคือ อกุศลกรรมทั้งหลายให้กับตัวเอง บุคคลประเภทนี้เป็นผู้รักษาตนอย่างแท้จริง คือ รักษาด้วยการประพฤติสุจริต ไม่ใช่อยู่ที่การมีบุคคลมากมายมาแวดล้อมป้องกันรักษา เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีใครมาแวดล้อม ปกป้องรักษาเลย แต่เมื่อกรรมดียังให้ผลอยู่ ก็ย่อมไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสามารถที่จะไปประทุษร้ายเบียดเบียนให้ได้รับความเดือดร้อนได้เลย

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎกที่นี่ครับ

ชนเหล่าไหนหนอแล ชื่อว่ารักตน ชื่อว่าไม่รักตน [ปิยสูตรที่ ๔]

ดังนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่จะรักษาตัวเอง ด้วยการประพฤติในสิ่งที่ดีงามในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ยังอีกยาวไกล ยังมีเหตุปัจจัยให้ประสบกับอันตรายประการต่างๆ ได้ แต่เมื่อใดที่ปัญญาเจริญขึ้น คมกล้าขึ้นถึงขั้นที่จะดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เมื่อนั้นเป็นอันสิ้นทุกข์ทั้งปวง ไม่มีการเกิดการตายอีก ย่อมไม่มีทางที่จะประสบกับอันตรายประการต่างๆ ได้เลย ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
homenumber5
วันที่ 27 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนา

ช่วงอันตราย

สำหรับผู้ปรารถนา ในมรรคผล นั้นคือ ตลอดเวลา

ก่อนที่จะละอวิชชา คือโมหะได้ ก่อนที่จะปิดกั้นอบายภูมิ และกามภูมิได้ ได้ ก่อนที่จิตจะพัฒนาเป็นระดับ โสดาปัตติมัคจิต ในเฌานใดฌานหนึ่งได้

ดังนั้นในตลอดเวลาเหล่านี้

ผู้ปรารถนนาต้องวิริยะเพียรสร้างมหากุสลโดยเฉพาะ

การฟังธรรมให้เข้าใจถูกต้องและดำเนินชีวิตถูกต้อง

ตามพระธรรมวินัยพระอภฺธรรม

ไม่สร้างเหตุปัจจัยของการเกิดสังสารวัฏฏ์ฏ ทั้งที่ทุกเวลาขณะจิต

มีแต่อกุสลกรรมเกิดตลอดเวลาอยู่แล้วก็ตาม

เมื่อใดว่างจากภารกิจจำเป็นต่อการยังชีพ

ให้หมั่นฟังธรรม เพื่อให้เข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อละอวิชชา

เข้าหากัลยาณมิตรในธรรม เพื่อไต่ถาม ทวนสอบข้อธรรมที่ไม่เข้าใจ

พร้อมกับการสร้างกุสลกัมบถ 10ไปตามสมควรแก่เหตุปัจจัย

ยามว่างให้ท่องบ่นบทพุทธมนต์

อย่าให้อกุสลวิปากจิตทำงานผ่านทางจักขุโสตะ ฆานะ ชิวหา กาย

อาจารย์พุทธรักษามีความเห็นอย่างไรคะกรุณาชี้แนะ

และแนะนำ บทความที่สมควรสิกขาต่อด้วยค่ะ

อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พุทธรักษา
วันที่ 27 ก.พ. 2553

เรียน ความเห็นที่ ๗ก่อนอื่นขอเรียนให้ทราบว่า "พุทธรักษา" ไม่ได้เป็นอาจารย์แต่เป็น "เริ่มผู้ศึกษา"ถ้าจะกรุณาไม่เรียกว่า "ท่าน" หรือ "อาจารย์" ก็จักขอบพระคุณอย่างสูง.
ในส่วนของความคิดเห็นนั้น...ขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนา

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 27 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

แต่ก็แปลกน่ะครับที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นไม่สนใจ วันอันตรายที่แท้จริง

มัวแต่ไปสนใจ ความเห็น คำวิจารณ์ ความคิด พิเคราะห์ไป ต่างๆ นาๆ

ว่า วันนี้อันตราย ช่วงนี้ต้องระวัง

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าขณะนั้นแหละเป็นวันอันตรายไปเสียแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
paderm
วันที่ 27 ก.พ. 2553

เรียนความเห็นที่ 7

จากคำที่กล่าวว่า

อย่าให้อกุสลวิปากจิตทำงานผ่านทางจักขุโสตะ ฆานะ ชิวหา กาย

อกุศลวิบากจิตที่มีในชีวิตประจำวันก็เช่น เห็นในสิ่งที่ไม่ดี ได้ยินเสียงที่ไม่ดี เป็นผล

ของกรรมที่ไม่ดี เราห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้เพราะเป็นผลของกรรม แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็

มีจิตประเภทนี้เพราะพระองค์ก็ยังเห็นในสิ่งที่ไม่ดี ได้ยินเสียงที่ไม่ดีมีคำว่า ด่า เป็นต้น

โดยนัยเดียวกัน เมื่อได้ยินหรือเห็นสิ่งที่ไม่ดีแล้วจะไม่ให้จิตเป็นอกุศลจิตก็ไม่ได้เลย

เพราะสะสมกิเลสมามาก ดังนั้นต้องเข้าใจพื้นฐานว่าปัญญาขั้นแรกคือไม่ใช่ไม่ให้อกุศล

ไม่เกิดหรือไม่ให้อกุศลวิบากเกิดแต่ปัญญาขั้นแรกต้องรู้ว่าสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเหล่านี้

บังคับไมได้ เป็นอนัตตาและไม่ใช่เราแต่เป็นธรรมครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
คุณ
วันที่ 27 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
orawan.c
วันที่ 28 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ต้องมั่นคงในกรรมและผลของกรรมจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
bsomsuda
วันที่ 28 ก.พ. 2553

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
คนรักธรรมะ
วันที่ 3 มี.ค. 2553

กระทู้นี้เตือนสติได้ดีทีเดียวค่ะ ขอขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
homenumber5
วันที่ 5 มี.ค. 2553

เรียนความเห็นที่10

อนุโทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
homenumber5
วันที่ 6 มี.ค. 2553

เรียนความเห็นที่ 8 ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
รากไม้
วันที่ 7 มี.ค. 2553

ไม่มีใคร หรืออะไร ที่ทำให้เราทุกข์ ...ทุกข์ทั้งหมด เกิดจากตนเองเป็นผู้ก่อทั้งนั้น

การดับทุกข์ทั้งปวง ต้องดับที่ตน ที่จิตของตนเอง ไม่ใช่ที่อื่น และทำด้วยตนเอง ไม่มีใครทำให้ได้

การฟังธรรม การอ่านธรรม การศึกษา การพิจารณาใตร่ตรอง ...ก็ต้องทำเองทั้งสิ้น

ขออนุโมทนา ทุกดวงจิตที่ใฝ่ธรรมะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
saifon.p
วันที่ 9 มี.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
aiatien
วันที่ 9 มี.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Thirachat.P
วันที่ 3 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ