เรื่องการบวช
ทำไมลูกศิษย์ท่านอาจารย์สุจินต์หลายๆ ท่าน จึงไม่บวช แต่ละท่าน มีเหตุผลกันอย่างไรบ้างครับ ขอแชร์ความคิดเห็นครับ เนื่องจากผมเห็นความสำคัญของการบวชมากมาย แต่ว่า ...??
ในสมัยครั้งพุทธกาล ใครจะบวชหรือไม่บวชขึ้นอยู่ที่อัธยาศัย และการสะสม ถ้าบวชแล้วเป็นพระภิกษุ แต่ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในสิกขาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชื่อว่า เป็นภิกษุอลัชชี ภิกษุทุศีล เป็นผู้หลีกเลี่ยงคำสอน เป็นคนว่ายาก เป็นคนเลี้ยงยาก มักมาก ไม่สันโดษ ฯลฯ อย่างนี้เป็นคฤหัสถ์ที่ดีย่อมดีกว่า
การเป็นคฤหัสถ์ที่ดี ประพฤติตามพระธรรมคำสอนยังเป็นยาก การเป็นพระภิกษุที่ดี มีศีลมีความเห็นถูก ไม่ติดในลาภสักการะ ฯลฯ ยิ่งยากกว่ามาก คือ อย่างน้อยก่อนบวชควรหาพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เพื่อนพรหมจรรย์ ที่ดี มีศีล มีกัลยาณธรรม มีความเห็นถูก เป็นพหูสูตร ทรงธรรม ทรงวินัย ฯลฯ เพื่อเป็นตัวอย่างในความประพฤติที่ตรงต่อพระธรรมวินัย ถ้าหาบุคคลดังกล่าวไม่ได้ก็เท่ากับการบวชของเรา ไปอยู่กับคนทุศีลอลัชชี ไม่มีคุณธรรม แล้วเราจะเป็นภิกษุเช่นไร ... สรุปคือ เป็นคนดีดีกว่า ไม่ว่าจะอยู่ในเพศไหน
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่ ...
สาธุ
ขออนุโมทนาอาจารย์ประเชิญครับ
เป็นคำตอบที่ไพเราะ ชัดเจน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมสนทนา
บุคคลผู้ที่จะบวชในพระพุทธศาสนา จะต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เห็นประโยชน์ของการขัดเกลากิเลส (ที่มีเป็นอย่างมาก) ในเพศของบรรพชิตซึ่งเป็นเพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์ โดยเห็นว่าอยู่ครองเรือนของคฤหัสถ์เป็นที่หลั่งไหลมาของอกุศลธรรมทั้งหลาย แล้วจึงสละทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งสู่ความเป็นบรรพชิต ซึ่งเป็นอัธยาศัยของบุคคลนั้นจริงๆ ไม่ใช่ว่าคิดอยากจะบวชก็บวช และที่สำคัญ ความเป็นบรรพชิต รักษายาก ถ้าหากว่ารักษาไม่ดี มีการประพฤติปฏบัติตนไม่สมควรแก่ความเป็นบรรพชิตแล้ว มีแต่จะเป็นโทษแก่ตนเองเพียงอย่างเดียว ในยุคนี้สมัยนี้ จึงเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ สำหรับความเป็นบรรพชิตที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาว่าเพศไหน ก็สามารถที่จะอบรมเจริญปัญญาได้ สามารถที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และน้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตามได้ทั้งนั้น ที่สำคัญ คือ จะเห็นประโยชน์ จะเห็นคุณค่าของพระธรรมหรือไม่?
เป็นคฤหัสถ์ที่ดี โดยที่ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาไปตามลำดับ เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็ดีแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องไปบวชก็ได้ การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ยังไม่จบสิ้น ก็จะต้องอบรมเจริญปัญญาต่อไป ครับ (โดยส่วนตัว เคยบวชมาก่อนที่จะได้พบกับท่านอาจารย์สุจินต์ จึงเป็นการดีจริงๆ ที่ได้ลาสิกขาออกมา ถ้าไม่ลาสิกขา ก็คงไม่ได้ศึกษาพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง และท่านอาจารย์เคยถามว่า จะไปบวชอีกไหม? คำตอบ คือ จะไม่ขอกลับเข้าไปบวชอีก ครับ)
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สมัยนี้ส่วนมาก บวชด้วยความไม่เข้าใจ ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้รักษาพระวินัย
บวชไปแล้ว ไม่มีประโยชน์กลับเป็นโทษ การอยู่เป็นฆราวาส แต่ได้ศึกษาธรรมมีประโยชน์มากกว่า เพราะได้อบรมเจริญกุศลทุกประการ โดยเฉพาะอบรมปัญญาค่ะ
ขออนุโมทนาคุณ khampan.a ครับ
หากท่านทั้งหลายได้ทราบว่าท่านเป็นนาคหลวง ที่เคยได้รับพระมหากรุณาฯ ในการอุปสมบท ก็คงจะมีจิตโสมนัสยินดี ที่จะได้ร่วมอนุโมทนา ในหนทางแห่งความเข้าใจถูก เห็นถูก ในพระศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
เรียนถามท่านอาจารย์วิทยากรว่า
ในยุคปัจจุบันนี้ถือได้หรือไม่ว่าไม่ใช่กาละอันจะเอื้ออำนวยแก่การบรรพชา แม้ว่ามีความปรารถนาที่จะละการครองเรือนและมีเจตนาที่จะขัดเกลากิเลสจริงๆ เนื่องจากมีปัจจัยแวดล้อมที่ไม่เอื้อแก่การปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ยุคสมัยของความคิด ความเข้าใจ ผิดไปจากพระไตรปิฎก มาก ดังนั้น โอกาสที่จะประพฤติผิดและหลงผิด หรือถูกกิเลสครอบงำมีค่อนข้างสูง หากจะเป็นผู้ที่ตรงจริงๆ คงต้องผจญอุปสรรคมากมาย ชีวิตของฆารวาสเปิดโอกาสให้หลบหลีกอุปสรรคได้มากกว่า หรือมีหนทางที่เอื้ออำนวยประโยชน์มากกว่าในการที่จะศึกษาธรรมให้มีความเห็นถูกต้อง ผมว่าผู้ที่เหมาะสมจะบรรพชา (สมัยนี้) นั้น ควรต้องมีคุณธรรมระดับพระโสดาบัน (จริงๆ) ขึ้นไป เพราะศีลพรตท่านไม่หวั่นไหวแล้ว ไม่ทราบว่าจะถูกหรือไม่ครับ