อุทกูปมสูตร ... วันเสาร์ที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย•
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันเสาร์ ที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
อุทกูปมสูตร
จาก ... [เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 27
... นำสนทนาโดย ...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 27
๕. อุทกูปมสูตร
[๑๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เปรียบด้วยน้ำ ๗ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๗ จำพวกเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้จมลงแล้วคราวเดียวก็เป็นอันจมอยู่นั่นเอง ๑ บางคนโผล่ขึ้นมาแล้วกลับจมลงไป ๑ บางคนโผล่พ้นแล้วทรงตัวอยู่ ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้วเหลียวไปมา ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้วเตรียมตัวจะข้าม ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้วได้ที่พึ่ง ๑ บางคนโผล่ขึ้นมาได้แล้วเป็นพราหมณ์ข้ามถึงฝั่งอยู่บนบก ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่จมลงแล้วคราวเดียวก็เป็นอันจมอยู่นั่นเองอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยอกุศลธรรมฝ่ายดำโดยส่วนเดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่จมลงแล้วคราวเดียวก็เป็นอันจมอยู่นั่นเองอย่างนี้แล. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้กลับจมลงไปอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรม คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา ชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย แต่ศรัทธาของเขานั้นไม่คงที่ ไม่เจริญขึ้น เสื่อมไปฝ่ายเดียว หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา ของเขานั้น ไม่คงที่ ไม่เจริญขึ้น เสื่อมไปฝ่ายเดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่โผล่ขึ้นมาแล้วกลับจมลงอย่างนี้แล. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาแล้ว ทรงตัวอยู่อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา ชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย แต่ศรัทธาของเขานั้นไม่เสื่อมลง ไม่เจริญขึ้น คงที่อยู่ หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญาของเขานั้นไม่เสื่อมลง ไม่เจริญขึ้น คงที่อยู่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วทรงตัวอยู่อย่างนี้แล. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเหลียวไปมาอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป เขาเป็นพระโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเหลียวไปมาอย่างนี้แล. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเตรียมตัวจะข้ามอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา ชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป เพราะทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง เขาเป็นพระสกทาคามี มาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเตรียมตัวจะข้ามอย่างนี้แล. ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาแล้วได้ที่พึ่งอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา ชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป เขาเป็นพระอนาคามี จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา บุคคลที่โผล่ขึ้นมาแล้วได้ที่พึ่งอย่างนี้แล. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเป็นพราหมณ์ข้ามถึงฝั่งอยู่บนบกอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา ชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เขากระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเป็นพราหมณ์ข้ามถึงฝั่งอยู่บนบกอย่างนี้แล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลเปรียบด้วยน้ำ ๗ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
จบ อุทกูปมสูตรที่ ๕
อรรถกถาอุทกูปมสูตรที่ ๕
อุทกูปมสูตรที่ ๕ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า อุทกูปมา ความว่า บุคคล ท่านเปรียบด้วยน้ำ เพราะถือเอาอาการมีการดำลงเป็นต้น. สองบทว่า สกึ นิมุคฺโค ได้แก่ ดำลงคราวเดียว บทว่า เอกนฺตกาฬเกหิ พระองค์ตรัสหมายถึง นิยตมิจฉาทิฏฐิ. บทว่า อุมฺมุชฺชติ แปลว่าผุดขึ้น. บทว่า สาธุ ความว่า งาม คือ ดี. บทว่า หายติเยว ความว่า ย่อมเสื่อมไปหมดทีเดียว เหมือนน้ำที่บุคคลรดลงในเครื่องกรองน้ำ ฉะนั้น. หลายบทว่า อุมฺมุชฺชิตฺวา วิปสฺสติ วิโลเกติ ความว่า บุคคลที่โผล่ขึ้นได้แล้ว พิจารณาเหลียวแลดูทิศที่ควรจะไป. บทว่า ปตรติ ความว่า ชื่อว่าเป็นผู้บ่ายหน้าต่อทิศที่ควรไปข้ามไปอยู่. สองบทว่า ปติคาธปฺปตฺโต โหติ บุคคลโผล่ขึ้นมาแล้วเหลียวดูข้ามไป ชื่อว่าย่อมประสมที่พึง คือ ย่อมยืนอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ไม่หวนกลับมาอีก. บทว่า ติณฺโณ ปารคโต ถเล ติฏฺฐติ ความว่า บุคคลข้ามห้วงน้ำ คือ กิเลสทั้งปวงถึงฝั่งโน้นแล้ว ชื่อว่า ย่อมเป็นผู้ยืนอยู่บนบก คือ พระนิพพาน. วัฏฏะและวิวัฏฏะ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรนี้.
จบ อรรถกถาอุทกูปมสูตรที่ ๕
ที่มา ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
อุทกูปมสูตร
(ว่าด้วยบุคคล ๗ จำพวก)
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงบุคคล ๗ จำพวก เปรียบเทียบกับอาการของบุคคลผู้อยู่ในน้ำ (มีการดำลง เป็นต้น) ดังนี้ คือ
๑. จมลงแล้วคราวเดียว ก็เป็นอันจม (บุคคลผู้ประกอบด้วยอกุศลธรรมเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะความเห็นผิดที่ดิ่ง)
๒. โผล่ขึ้นมาแล้ว กลับจมลงไป (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญาในกุศลธรรม แต่ธรรมเหล่านี้ ไม่คงที่ และไม่เจริญขึ้น มีแต่เสื่อมไปอย่างเดียว)
๓. โผล่ขึ้นมาแล้ว ทรงตัวอยู่ (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญาในกุศลธรรม แต่ธรรมเหล่านี้ ไม่เสื่อม และไม่เจริญขึ้น แต่คงที่อยู่)
๔. โผล่ขึ้นมาแล้ว เหลียวไปมา (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญาในกุศลธรรม ละ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสะได้ เป็น พระโสดาบัน)
๕. โผล่ขึ้นมาแล้ว เตรียมตัวจะข้าม (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญาในกุศลธรรม ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสะได้แล้วทำราคะ โทสะโมหะ ให้เบาบาง เป็น พระสกทาคามีบุคคล)
๖. โผล่ขึ้นมาแล้ว ได้ที่พึ่ง (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญาในกุศลธรรม ละ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสะ กามราคะ และ ปฏิฆะ ได้ เป็น พระอนาคามีบุคคล จะไปเกิดที่สุทธาวาสภูมิ หรือรูปพรหมภูมิหรืออรูปพรหมภูมิ และปรินิพพานที่นั่น)
* หมายเหตุ สุทธาวาสภูมิ เป็นภูมิของพระอนาคามีบุคคล ผู้ได้รูปปัญจมฌาน *
๗. โผล่ขึ้นมาแล้ว เป็นพราหมณ์ข้ามถึงฝั่งอยู่บนบก (บุคคลมีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญาในกุศลธรรม เป็น พระอรหันต์ สิ้นอาสวะทั้งปวง) .
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...