มีมืออันล้างแล้ว
โดยทั่วไปทุกท่านก็ต้องทำความสะอาดร่างกาย มีมือ เป็นต้น เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ออกจากร่างกาย หากแต่ว่าถ้าไม่เป็นผู้มีศรัทธาคือไม่เป็นผู้ยินดีในการให้ ควรแก่การขอ แล้ว แม้จะล้างมือถึงเจ็ดครั้งก็ชื่อว่ายังมีมือเปื้อนอยู่นั่นเอง เพราะฉะนั้น ควรอย่างยิ่งที่ จะล้าง ทำความสะอาดมือด้วยการกำจัดความตระหนี่ ยินดีในการให้อันแสดงให้เห็นถึง ความไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการครับ ผู้มีศรัทธาจึงเป็นผู้ปรารถนาพบผู้มี ศีล ยินดีในการฟังธรรมและกำจัดความตระหนี่ยินดีในการให้ด้วย ความสะอาดจึง ไม่ได้อยู่ที่น้ำล้างมือแต่อยู่ที่ใจที่ยินดีในการให้ ละคลายความตระหนี่ มีใจไม่ขัดข้องในการให้ จึงขื่อว่ามีมืออันล้างแล้วอันแสดงถึงเป็นผู้มีศรัทธา
เชิญฟัง
[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 192
๒. ฐานสูตร
ว่าด้วยลักษณะผู้มีศรัทธา ๓ ประการ
ผู้ใดใคร่ในการเห็นผู้มีศีล ปรารถนาจะฟังพระสัทธรรม กำจัดมลทินคือความตระหนี่เสียได้ ผู้นั้นชื่อว่า ผู้มีศรัทธา
[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 193
อรรถกถาฐานสูตร
บทว่า วิคตมลมจฺเฉเรน ความว่า ปราศจากมลทินคือความตระหนี่
บทว่า มุตฺตจาโค ความว่า มีการสละโดยไม่ข้องใจ
บทว่า ปยตปาณี ความว่า มีมืออันล้างแล้ว อธิบายว่า ผู้ไม่มีศรัทธา แม้จะล้างมือถึง ๗ ครั้ง ก็จัดว่ายังมีมือเปื้อนอยู่นั่นแล แต่คนมีศรัทธา ชื่อว่ามีมืออันล้างสะอาดแล้วทีเดียว เพราะเป็นผู้ยินดียิ่งแล้วในทาน
บทว่า โ วสฺสคฺครโต ความว่ายินดีแล้วในทาน กล่าวคือการเสียสละ
บทว่า ยาจโยโค ความว่า สมควรให้ขอ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า ยาจโยโค เพราะมีความเหมาะสมกับด้วยยาจกทั้งหลายบ้าง
บทว่า ทานสวิราครโต ความว่า เมื่อจะให้ทานก็ดี เมื่อจะทำการจัดแบ่งก็ดี ย่อมเป็นผู้ชื่อว่า ยินดีในทานและการจัดแบ่ง