ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่มูลนิธิฯ ในวันวิสาขบูชา ๒๕๕๓
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในวันวิสาขบูชา ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ปีนี้ นอกจากจะเป็นวันที่มีการสนทนาธรรม ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาเช่นกับทุกๆ ปีที่ผ่านมาแล้ว วันนี้ เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว ยังเป็นวันที่เปิดที่ทำการของมูลนิธิฯแห่งนี้เป็นวันแรกอีกด้วย นอกจากนั้น ในวันนี้ยังเป็นวันแรกของการเปิดใช้อาคารของมูลนิธิฯ หลังปิดทำการซ่อมแซมนานร่วมสองเดือนด้วยครับ
ขอเชิญคลิกชมเพิ่มเติมที่นี่ ...
บันทึกวันเปิดอาคารสำนักงานมูลนิธิฯ
ขออนุโมทนา "คณะสหายธรรม" ที่มีกุศลจิตพิมพ์หนังสือ "ข้อความประทับใจที่ได้จากธรรมบรรยาย ของ อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์" เพื่อแจกเป็นธรรมทาน ในวันวิสาขบูชา ปีนี้โดยเฉพาะครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่มที่ ๔๒ หน้า ๑๗๘ - ๑๘๐
เรื่อง ปฐมโพธิกาล
พระศาสดาประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ ทรงเปล่งอุทานด้วยสามารถเบิกบานพระหฤทัย ในสมัยอื่น พระอานนท์เถระทูลถาม จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า"อเนกชา ติสสาร" เป็นต้น. พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล ประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ เมื่อพระ-อาทิตย์ยังไม่อัสดงคตทรง กำจัดมารและพลแห่งมารแล้ว ในปฐมยาม ทรงทำลายความมืดที่ปกปิดปุพเพ นิวาสญาณ, ในมัชฌิมยาม ทรงชำระทิพยจักษุให้หมดจดแล้ว, ในปัจฉิม ยาม ทรงอาศัยความกรุณาในหมู่สัตว์ ทรงหยั่งพระญาณลงในปัจจยาการแล้วทรง พิจารณาปัจจยาการนั้น ด้วยสามารถแห่งอนุโลมและปฏิโลม. ในเวลาอรุณขึ้นทรงบรรลุ พระสัมมาสัมโพธิญาณ พร้อมด้วยอัศจรรย์หลายอย่าง เมื่อจะทรงเปล่งอุทานที่พระพุทธเจ้าหลายแสน
พระองค์ไม่ทรงละแล้ว จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า "เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สังสาระ มีชาติเป็นเอนก ความเกิด บ่อยๆ เป็นทุกข์, แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่าน แล้ว, ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้, ซี่โครงทุกซี่ ของท่าน เราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว, จิตของเรา ถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว, เพราะเรา บรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว"
๑๔๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การบูชา ๒ อย่างนี้๒ อย่างเป็นไฉน คือ การบูชาด้วยอามิส ๑ การบูชาด้วยธรรม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การบูชา ๒ อย่างนี้แล ดูก่อน ภิกษุทั้งหลายบรรดาการบูชา ๒ อย่างนี้ การบูชาด้วยธรรมเป็นเลิศ.
[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า 476
กุลบุตร ผู้ฉลาดพึงทำ พึงเป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน มีกิจน้อย มีปัญญารักษาตัว ไม่คะนอง ไม่ติดใน สกุลทั้งหลาย ไม่พึงทำกรรมชั่วแม้เพียงเล็กน้อย พึงเป็นผู้มีเมตตาใน สัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ
บุคคลผู้สงบ งดเว้นจากการทำความชั่ว พูดด้วย ปัญญา ไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมกำจัดบาปธรรมทั้งหลายเหมือนลมพัดใบไม้ให้ร่วงหล่นไป ฉะนั้น.
พระ สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้าที่ 54
ข้าพเจ้าถามว่า "น้องสการครับ ทำไมไม่ไปนั่งหลบที่ร่มๆ กว่านี้ ตรงนี้แดดร้อนนะครับ" น้องสการ ตอบว่า "ไม่เป็นไรครับ นั่งตรงนี้ ใกล้ลำโพงครับ"
... อ้อ ... อนุโมทนาครับ
ธรรม ๔ อย่าง มีอุปการะมาก เป็นไฉน
ได้แก่ จักร ๔ คือ การอยู่ในประเทศอัน สมควร ๑ การคบหาสัตบุรุษ ๑ การตั้งตนไว้ชอบ ๑ ความเป็นผู้ทำบุญไว้ ในกาลก่อน ๑ ธรรม ๔ อย่างเหล่านี้ มีอุปการะมาก
ท่านผู้นี้พิการทางตา แต่มีศรัทธามาก โดยสารรถเมล์มาจากปทุมธานีด้วยตนเอง ข้าพเจ้ากล่าวคำอนุโมทนากับท่าน ท่านก็ตอบว่า " อนุโมทนาเช่นกันครับ "
คาถาธรรมบท
ธรรมทั้งหลายมีใจ เป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจผ่องใส แล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ความสุขย่อมไปตาม เขา เพราะเหตุนั้น เหมือนเงาไปตามตัว ฉะนั้น
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษย่อมให้ทานอย่างสัตบุรุษอย่างไร คือ สัตบุรุษในโลกนี้ ย่อมให้ทานโดยเคารพ ทำความอ่อนน้อมให้ทานให้ทานอย่างบริสุทธิ์ เป็นผู้มีความเห็นว่ามีผล จึงให้ทาน ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าย่อมให้ทานอย่าง สัตบุรุษ.
เทวทหวรรคที่ ๑ จูฬปุณณมสูตรที่ ๑๐
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๘๙
ขออนุโมทนาผู้เป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงอาหารกลางวันทุกๆ ท่านด้วยครับ
อนึ่ง ในวันนี้ ยังเป็นวันที่สำคัญอีกวันหนึ่งของการออกหนังสือเล่มใหม่ของมูลนิธิฯ ชื่อ " บันทึกสุดท้าย ... จาก บุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์ " ซึ่งเป็นบันทึกอันมีค่าและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ที่คุณบุษบงรำไพ ได้มีเมตตา มอบไว้ให้สหายธรรมทุกๆ ท่าน ผู้เป็นเพื่อนร่วมเดินทางในสังสารวัฎฎ์ ข้าพเจ้า ซาบซึ้งในคำกล่าวของท่านอาจารย์ ที่ได้กล่าวกับ คุณบุษบงรำไพ ว่า
" ... ชาตินี้มีกุศลแล้ว เพราะได้เข้าใจธรรมะ ได้เท่านี้ไม่ใช่ง่ายๆ ควรพอใจแล้ว ประเสริฐสุดๆ เหมือนกับว่า ตายไปก็ไม่เสียชาติ ... "
กราบท่านอาจารย์ และ ขออนุโมทนาคุณ บุษบงรำไพ ด้วยขอรับ กุศลใดอันข้าพเจ้าได้กระทำแล้วในชาตินี้ ขออุทิศให้คุณ บุษบงรำไพ ได้ร่วมอนุโมทนาด้วยขอรับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
อ่อนโยน มีกิจน้อย มีปัญญารักษาตัว
ไม่คะนอง ไม่ติดใน สกุลทั้งหลาย
ไม่พึงทำกรรมชั่วแม้เพียงเล็กน้อย
พึงเป็นผู้มีเมตตาใน สัตว์ทั้งหลาย ฯลฯขออนุโมทนาครับ
ณ กาลครั้งหนึ่งที่ประชุมกันเพื่อละอกุศล เจริญกุศล อบรมปัญญา
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะอ่านบันทึกของคุณบงแล้ว เตือนใจได้ดีเหลือเกินต้องอ่านอีกหลายรอบ นำไปให้พี่สาวคนหนึ่งเธอบอกว่าอ่านแล้ว"เริ่มเข้าใจความจริงมากขึ้น จุดประกายให้คิดเจริญกุศลตอบแทนคุณของพระธรรมที่มูลนิธิฯจัดพิมพ์เผยแพร่ ตอบแทนคุณของท่านอาจารย์สุจินต์ และตอบแทนคุณของคุณบุษบงรำไพ" ก็ขออนุโมทนาอีกครั้งนะคะ
และ กุศลใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วในอดีตจนถึงปัจจุปัน ขออุทิศให้คุณ บุษบงรำไพ
จงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาด้วยเทอญ
กราบขอบพระคุณ และอนุโมทนาในกุศลของท่านอาจารย์ คณะวิทยากร และคุณบุษบงรำไพ ตลอดทั้งสหายธรรมทั้งหลาย ด้วยความปิติเป็นอย่างยิ่ง ในคำกล่าวของท่านอาจารย์
"...ชาตินี้มีกุศลแล้ว เพราะได้เข้าใจธรรมะ ได้เท่านี้ไม่ใช่ง่ายๆ ควรพอใจแล้ว
ประเสริฐสุดๆ เหมือนกับว่า ตายไปก็ไม่เสียชาติ..."