เป็นผู้นิ่ง เก้อเขิน นั่งคอตก ซบเซา หมดปฏิภาณ
อริฏฐภิกษุ เป็นภิกษุที่ไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมวินัย เนื่องจากเข้าใจผิด มีความเห็นผิดสำคัญผิดจากความเป็นจริง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกอริฏฐภิกษุเข้าเฝ้า ทรงแสดงให้เห็นว่าอริฏฐภิกษุนั้นกล่าวตู่พระพุทธองค์ ตรัสเรียกเธอว่า เป็นโมฆ-บุรุษ ท้ายที่สุดอริฏฐภิกษุนั้นเป็นผู้นิ่ง เก้อเขิน นั่งคอตก ซบเซา หมดปฏิภาณ...
ข้าพเจ้าได้มีโอกาสอันประเสริฐยิ่ง ที่ได้อยู่ร่วมสนทนาธรรม ระหว่างรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับท่านอาจารย์ ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่รู้ว่าการศึกษาพระสูตรนั้นเราจะคิดเองไม่ได้เลย หลายครั้งที่คิดเองว่าคงจะหมายถึงอย่างนี้แต่พอท่านอาจารย์อธิบาย ให้เข้าใจถึงความเป็นจริง เหตุและผล จึงให้รู้ได้ว่าพระธรรมนั้นละเอียด ลึกซึ้ง เข้าใจได้ยากจริงๆ
ท่านเปรียบเหมือนผู้ชี้ทางแก่คนหลงทาง เปรียบเหมือนผู้ส่องแสงสว่างในที่มืด ระหว่างอาหารกลางวันได้สนทนาถึงบุคคลที่ฟังพระธรรมแต่ก็ไม่สามารถที่จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกในพระธรรม อ.อรรณพได้กล่าวถึงแม้สมัยพุทธกาลก็ยังมีบุคคลที่เข้าใจผิดเห็นผิด และเมื่อฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว ถึงกับเป็นผู้นิ่ง เก้อเขิน นั่งคอตก ซบเซา...ข้าพเจ้าจึงเรียนถาม อ. อรรณพว่า แล้วบุคคลผู้นิ่ง นั่งคอตก พวกนั้นเขาเข้าใจพระธรรมหรือเปล่า (ข้าพเจ้าคิดเองว่าบุคคลพวกนั้นนั่งคอตก เก้อเขิน ซบเซา คงจะสำนึกได้แล้ว คงจะเข้าใจพระธรรม...คิดเอาเองไม่ได้จริงๆ ค่ะ)
ท่านอาจารย์กรุณาให้ความกระจ่างว่า ถ้าบุคคลพวกนั้นเข้าใจพระธรรมก็จะไม่นั่งคอตกซบเซา...ผู้ที่เข้าใจพระธรรมจะร่าเริง และขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ จะไม่นั่งคอตก...
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
ภิกษุที่ไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมวินัย [อลคัททูปมสูตร]
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณกำปั่นที่กรุณายกตัวอย่างพระสูตรให้ค่ะ
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ...
ความคิดช่างวิจิตรไปตามการสะสม แต่พระธรรมเป็นของยาก ลึกซึ้ง พ้นจากการคิด อันบัณฑิตพึงศึกษาตาม สอบถาม ตรวจทานความถูกต้อง จนกว่าจะเป็นความเห็นถูก แล้วนอบน้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตามธรรม ตามสมควรแก่ธรรมที่ปัญญาได้เข้าใจนั้นๆ ครับ