ตะปูตรึงใจ
ในการฟังธรรมที่ มูลนิธิฯ..มีข้อความที่ผู้ฟังฟังแล้วเกิดความสนใจ ......
ตะปูตรึงใจ
ถ้าเป็นคำในหมู่วัยรุ่น..คงจะต้องค้นหาว่าเป็นอะไร ..ที่ตรึงใจ..
เผลอๆ ๆ อยากมีและอยากใด้ไว้สำหรับตนเองหรือตรึงใจคนอื่น...
ตะปูที่ว่านี้...ท่านคิดว่าเป็นอะไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ตะปูตรึงใจตะปู ตรึงใจ คือใจที่ถูกตรึงไว้ด้วย อกุศล จิตที่หยาบกระด้าง จิตที่ลังเลสงสัย จิตที่เป็นโทสะ ชื่อว่าเป็นตะปูตรึงใจ ตรึงใจเอาไว้ไม่ให้เกิดกุศลธรรม ตรึงใจเอาไว้ไม่ให้เกิดปัญญา ตรึงใจไว้ให้อยู่กับความไม่รู้คืออวิชชา ไม่ให้ละกิเลสและทำให้เสื่อมจากกุศลธรรมประการต่างๆ เพราะถูกตะปูคือกิเลสที่หยาบกระด้างตรึงไว้ ให้ใจหยาบกระด้างด้วยอกุศลธรรม
ตะปูตรึงใจ มี 5 ประการดังนี้
1. บุคคลย่อมสงสัย เคลือบแคลง ไม่ปลงใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เมื่อจิตสงสัยและไม่เลื่อมใสใน พระพุทธเจ้า บุคคลนั้น ก็ย่อมไม่ศึกษาพระธรรม ไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมและไม่ขัดเกลากิเลส การที่บุคคลไม่ศึกษาพระธรรม...ไม่ขัดเกลากิเลส เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 1 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญในกุศลธรรมและและตรึงใจไว้ให้เจริญใน อกุศลธรรม เพราะความสงสัยและไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เช่น เมื่อมีบุคคลที่ไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้ามีจริง ไม่เชื่อใน พระคุณของพระพุทธเจ้า เมื่อไม่เชื่อหรือสงสัย เขาก็จะไม่เห็นประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม ที่พระพุทธเจ้าแสดง ไว้ และเมื่อไม่ศึกษาพระธรรม ก็ไม่มีทางขัดเกลากิเลส ละกิเลสได้เลย นั่นจึงเป็นตะปูตรึงใจของเขาไว้ให้อยู่กับอกุศลธรรม อยู่กับความไม่รู้ ไม่มีทางดับกิเลสได้เลยครับ
2. บุคคลย่อมสงสัย เคลือบแคลง ไม่ปลงใจเชื่อไม่เลื่อมใสในพระธรรม เมื่อจิตสงสัยและไม่เลื่อมใสในพระธรรม บุคคลนั้นก็ย่อมไม่ศึกษาพระธรรม ไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมและไม่ขัดเกลากิเลส การที่บุคคลไม่ศึกษาพระธรรม.... ไม่ขัดเกลากิเลสเป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 2 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญในกุศลธรรมและและ ตรึงใจไว้ให้เจริญในอกุศลธรรมเพราะความสงสัยและไม่เลื่อมใสในพระธรรม เช่น เมื่อบุคคลไม่เชื่อหรือสงสัยว่าพระไตรปิฎกเป็นคำสอนที่ถูก อาจจะเปลี่ยนไปเพราะมีการสังคายนาหลายครั้งเมื่อเขาคิดอย่างนี้แล้ว บุคคลนั้นก็ย่อมไม่ศึกษพระธรรม จึงไม่มีทางขัดเกลากิเลส ละกิเลสได้เลย นั่นจึงเป็น ตะปูตรึงใจของเขาไว้ให้อยู่กับ อกุศลธรรม อยู่กับความไม่รู้ ไม่มีทางดับกิเลสได้เลยครับ
3. บุคคลย่อมสงสัย เคลือบแคลง ไม่ปลงใจเชื่อไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ เมื่อจิตสงสัยและไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ บุคคลนั้นก็ย่อมไม่ศึกษาพระธรรม ไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมและไม่ขัดเกลากิเลส การที่บุคคลไม่ศึกษาพระธรรม.... ไม่ขัดเกลากิเลสเป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 3 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญใน กุศลธรรม และและตรึงใจไว้ให้เจริญในอกุศลธรรมเพราะความสงสัยและไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ เช่น บุคคลมีความสงสัยหรือไม่เชื่อว่ามีบุคคลที่บรรลุเป็นพระอริยสงฆ์จริงหรือไม่ เมื่อสงสัยหรือไม่เชื่อว่ามีการบรรลุธรรมจริง ก็ไม่สนใจศึกษาพระธรรมและก็ไม่สามารถขัดเกลากิเลส ย่อมเป็น ตะปูตรึงใจให้ไม่พ้นไปจากความไม่รู้และอกุศลอื่นๆ ครับ4. บุคคลย่อมสงสัย เคลือบแคลง ไม่ปลงใจเชื่อไม่เลื่อมใสในสิกขาเมื่อจิตสงสัยและไม่เลื่อมใสในสิกขา บุคคลนั้น ก็ย่อมไม่ศึกษาพระธรรม ไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมและไม่ขัดเกลากิเลส การที่บุคคลไม่ศึกษาพระธรรม...ไม่ขัดเกลากิเลส เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 4 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญใน กุศลธรรมและและตรึงใจไว้ให้เจริญใน อกุศลธรรม เพราะความสงสัยและไม่เลื่อมใสในสิกขา
สิกขาในที่นี้คือ อธิศีล สิกขา อธิจิตสิกา และอธิปัญญาสิกขา สรุปคือข้อประพฤติปฏิบัติในการดับกิเลสนั่นก็คืออริยมรรค มีองค์ 8 หรือสติปัฏฐานครับ หากว่าบุคคลมีความสงสัยหรือ ไม่เชื่อว่าสติปัฏฐาน เป็นหนทางเดียวในการดับกิเลส ก็จะไม่ประพฤติปฏิบัติตามทางสายกลาง ก็จะไม่สามารถดับกิเลสได้ เป็นตะปูตรึงใจเขาไว้ให้อยู่ในความไม่รู้ และกิเลสประการต่างๆ ครับ และหากว่าบุคคลไม่เชื่อ หรือสงสัยว่า การระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ที่มีในขณะนี้ เป็นหนทางดับกิเลส เมื่อไม่เชื่อหรือสงสัย ก็จะไม่ประพฤติปฏิบัติ ตามหนทางนี้ ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ เป็นตะปูตรึงใจของบุคคลนั้น
5. บุคคลเป็นผู้มีความโกรธ มีจิตกระทบกระทั่งคือมีความโกรธในบุคคลต่างๆ ในบุคคล
ที่ศึกษาธรรมร่วมกัน ก็เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 5 บุคคลนั้นก็ย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากพระ
ธรรม ไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมและไม่ขัดเกลากิเลส การที่บุคคลไม่ศึกษา
พระธรรม...ไม่ขัดเกลากิเลส เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 5 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญในกุศลธรรม
และตรึงใจไว้ให้เจริญในอกุศลธรรม ตรึงใจในความไม่รู้ และกิเลสเพราะความเป็นผู้ที่
มากด้วยโกรธและความผูกโกรธ ประโยชน์ของการศึกษาธรรมคือ เพื่อขัดเกลากิเลสด้วยความจริงใจ ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านที่นี่...ตะปูตรึงใจ ๕ ประการ [เจโตขีลสูตร] อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อกุศล
(กิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปด กลาง หยาบ ละเอียด)
" ตรึง " เอาไว้
ไม่สามารถเป็น กุศล ได้
..........................
เป็นคำเตือนใจ (บางขณะ)
..........................
กราบอนุโมทนาค่ะ
ตะปู ๕ ดอก + หอกอีก ๓๐๐ เล่ม..............เห็นทีจะไปไม่รอด T_T
คำว่าตะปูตรึงใจ...มีหลายความหมาย เช่น....
หมายถึงกิเลส
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 182
คำว่า ปภินฺนขีลสฺส แปลว่า ผู้มีกิเลสดุจตะปูตรึงใจอันทำลายได้แล้ว
หมายถึงอาสวะ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 517
ไม่มีอาสวะเพราะไม่มีกิเลสดุจตะปูตรึงใจ ๕ อย่าง และไม่มีอาสวะ ๔ อย่าง.
หมายถึงโอฆะ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้าที่ 489
ได้ตัดบ่วง คือโอฆะ ตะปูตรึงจิตอันมั่นคง และภูเขาที่ทำลายได้ยากแล้ว ข้ามไป
ถึงฝั่ง คือนิพพาน เป็นผู้เพ่ง
เป็นคำเตือนใจ เป็นตะปูแทงใจ ชัดเจนจริงๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...
และท่าน อ.อรรณพ อธิบายตะปูตรึงใจ 4 ได้แก่ คันถะ.......................................................................................................................
จากข้อความใน พระอภิธัมมัตถสังคหะ
คันถะ มีความหมายว่า ผูกมัดหรือทำให้เป็นปม อีกนัยหนึ่งหมายความว่า เป็นห่วงที่ร้อยรัดไว้ในระหว่าง จุติ-ปฏิสนธิ ให้เกิดก่อต่อเนื่องกันไม่ให้พ้นไปจาก วัฏฏทุกข์ได้เชิญคลิกอ่าน...คันถะ [พระอภิธัมมัตถสังคหะ]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ใจไม่เป็นอิสระเพราะถูกตรึงไว้ด้วยตะปูกิเลส
ถอนได้ด้วยปัญญา (ที่ตอนนี้ตนเองยอมรับว่า "ไม่มีเลย" จริงๆ )
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ตะปูเป็นอุปกรณ์ในการยึด.....เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์..ตะปูที่เป็นอกุศลธรรมเป็นกิเลสตรึงใจหรือจิตให้เกิดดับในสังสารวัฏฏ์...แม้ไม่อยากมีตะปูประเภทนี้แต่ก็มี..ตราบใดที่ยังมีกิเลส..หากยังชื่นชมในพยัญชนะ...ตะปูตรึงใจ....ไม่เข้าใจในอรรถ..ก็ยังไม่เห็นว่าเป็นโทษพระพุทธองศ์ ตรัสให้เห็นโทษ....หนทางของการถอนตะปูหรือกิเลสคืออริยมรรคมีองค์ 8.....
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยและอนุโมทนาทุกท่านค่ะ