ประพฤติอย่างไร...เป็นผู้ไม่ประมาท
ได้ฟังคำสอนของพระโพธิสัตว์กล่าวเตือนพระนางอุทัยภัทรา
ตอนหนึ่งใน อุทยชาดก ว่า...
วัยล่วงไปเร็วยิ่งนัก ขณะก็เช่นนั้นเหมือนกัน ความตั้งอยู่ยั่งยืน ไม่มี สัตว์ทั้งหลายย่อม จุติไปแน่แท้ สรีระไม่ยั่งยืน ย่อมเสื่อมถอย...
ท่านสอนพระนางอย่างไร เราเองก็ควรพิจารณาน้อมมาสู่ตน พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพร่ำสอนมาตลอด ๔๕ พรรษา ก็ทรงเตือนให้เป็นผู้ไม่ประมาท วันเวลา แต่ละภพชาติล่วงไปเร็วมาก แต่ละขณะของชีวิตก็เช่นกัน ไม่ควรที่จะประมาท พึงประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ก็ต้องเริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ต้องเป็นผู้ละเอียดจริงๆ จึงจะได้สาระจากพระธรรม มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถขัดเกลากิเลสได้ เริ่มจากการฟังให้เกิดความเข้าใจถูก ความเห็นถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง อบรมความเห็นถูกเข้าใจถูกเพื่อละความไม่รู้ในลักษณะสภาพธรรม และอบรมเจริญกุศลทุกประการ การกระทำความดีก็ไม่ต้องรอช้าเริ่มจากขณะนี้เสียเลย...
เพราะในชีวิตแต่ละวันมีแต่อกุศลเกิดมากกว่ากุศลตามการสะสมมาของอวิชชา ถ้าเป็นผู้ไม่ละเอียดว่าขณะนั้นๆ เป็นอกุศลหรือกุศลก็ไม่สามารถขัดเกลากิเลสได้ กุศลแต่ละขั้นที่เจริญขึ้นก็ต้องเริ่มจากความเข้าใจถูกความเห็นถูกซึ่งก็คือ ปัญญา.....จนกว่าจะดับกิเลสหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท เป็นผู้ไม่ประมาทอีกต่อไป
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่..
บุคคลย่อมได้ปัญญาอย่างไร [อาฬวกสูตร]
เป็นผู้ไม่ประมาท ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา
ปัญญาเป็นเหตุถึงที่สุดในโลกนี้ได้ [มัชฌิมนิกาย]
ความประมาท เป็นไฉน? ความปล่อยจิตไป ความเพิ่มพูนการปล่อยจิตไป ในกายทุจริตวจีทุจริต มโนทุจริต หรือในกามคุณ ๕
เชิญคลิกอ่าน...
ความประมาทเป็นไฉน [วิภังค์]
ความไม่ประมาท ในการเจริญกุศลธรรมทั้งหลาย พึงทราบโดยนัยตรงกันข้ามกับลักษณะของความประมาท ว่าโดยย่อ คือขณะที่ไม่ปราศจากสติ ชื่อว่า ไม่ประมาท
ปัญญาเท่านั้นที่จะละความประมาทได้สิ้น