จงมีธรรมเป็นที่พึ่ง
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย! ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้งเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบประณีต มิใช่วิสัยแห่งสัตว์ คือ คิดเอาไม่ได้ หรือไม่ควรลงความเห็นด้วยการเดา แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพอจะรู้ได้”
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย! จงดูกายอันนี้เถิด ฟันหัก ผมหงอก หนังหดเหี่ยว หย่อนยาน มีอาการทรุดโทรมให้เห็นอย่างเด่นชัด เหมือนเกวียนที่ชำรุดแล้ว ชำรุดอีก ได้อาศัยแต่ไม้ไผ่มาซ่อมไว้ ผูก กระหนาบคาบค้ำไว้ จะยืนนานไป ได้สักเท่าใด การแตกสลายย่อมจะมาถึงเข้าสักวันหนึ่ง พวกเธอทั้งหลาย พวกเธอจงมีธรรมเป็นที่เกาะที่พึ่งเถิด อย่าคิดยึดสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย แม้เราตถาคตก็เป็นแต่เพียงผู้บอกทางเท่านั้น”
ขอทุกท่านจงเจริญในกุศลธรรมทุกประการ และมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ
ขออนุโมทนาค่ะ
"ตถาคตก็เป็นแต่เพียงผู้บอกทางเท่านั้น" ทำให้ระลึกว่า บ่อยครั้งเราก็ยึดติดในตัวบุคคล
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มได้ที่...
การมีธรรมเป็นเกาะเป็นที่พึ่งคือการเจริญสติปัฏฐาน
มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่
ธรรมะคือ สิ่งที่มีอยู่จริงเกิดขึ้นแล้วดับไป สิ่งที่เกิดดับไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่เกาะได้ แต่ "ความเข้าใจความจริงของธรรมะ" เป็นที่พึ่งได้ค่ะ.!เป็น "ที่พึ่งที่แท้จริง"ได้แม้ในขณะที่กำลังจะจากภพชาตินี้ไป.ขณะที่มีสภาพธรรมเกิดขึ้น ปรากฏแล้วสามารถรู้ "ความจริง"ขณะนั้น มีปัญญา-ที่ไม่มีเราและมีสภาพธรรม ที่ปรากฏให้ศึกษาและเข้าใจตามความเป็นจริงได้ ปัญญา คือ "ที่พึ่งที่แท้จริง"
เชิญคลิกอ่าน...ที่พึ่งที่แท้จริงที่พึ่งที่แท้จริง [เรื่องปุโรหิตชื่ออัคคิทัต]