ความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรม ตอนที่ ๒

 
พุทธรักษา
วันที่  15 พ.ย. 2553
หมายเลข  17522
อ่าน  2,108

ข้อความบางตอนจากการสนทนาธรรม ณ "บ้านมิ่งโมฬี" อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีวันที่ ๗-๘ กันยายน ๒๕๕๓ ถอดเทปบันทึกเสียงโดยคุณย่าสงวน สุจริตกุล

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ


ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านอาจารย์ แล้วตอนนี้ล่ะคะ คิดจะปฏิบัติ หรือทำสมาธิไหมคะ

ท่านผู้ฟัง มีบางครั้งที่จิตวุ่นวาย จิตฟุ้งซ่าน ก็ใช้สมาธิทำให้จิตสงบขึ้น

ท่านอาจารย์ อยากได้ "ผลชั่วคราว" เล็กๆ น้อยๆ หรือว่าอยากได้ "ผลที่มั่นคง"

ท่านผู้ฟัง ผลที่มั่นคง

ท่านอาจารย์ ถ้าเป็น "ผลที่มั่นคง" ก็คือว่า ไม่ใช่หวังว่าจะสงบ เพราะขณะนั้นวุ่นวาย นั่นเป็นผลที่เล็กน้อยมาก แต่ "ผลที่มั่นคง" คือ ต้องรู้ว่า ความไม่สงบของจิตเกิดจากอะไร. และมี "หนทาง" ใดที่จะทำให้ (ความไม่สงบของจิต) ไม่เกิดขึ้นอีกเลย ไม่ใช่เพียงแต่ "ระงับไว้ชั่วคราว" ต้องด้วย "ปัญญา" ไม่ใช่ด้วยความไม่รู้ ไม่ใช่ด้วยความอยากที่จะให้อกุศลจิตประเภทที่วุ่นวายไม่เกิด แต่มีอกุศลจิตประเภทที่พอใจในความสงบเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ขณะนั้นก็ไม่ใช่กุศลจิต เพราะเหตุว่า ไม่ได้เห็นโทษของอกุศล หลังจากที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงตรัสรู้ และได้ทรงแสดงธรรมแล้ว ทรงอนุเคราะห์ให้ทุกคนที่ได้สะสม "ความเห็นถูก" ได้พิจารณาว่า การเกิดขึ้น และมีปรากฏในขณะนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรทั้งนั้น ต้องมี "เหตุปัจจัย" จะสงบ ก็ต้องมีเหตุปัจจัย จะไม่สงบ ก็ต้องมีเหตุปัจจัย จะเป็นกุศลจิต ก็ต้องมีเหตุปัจจัย จะเป็นอกุศลจิต ก็ต้องมีเหตุปัจจัย ถ้าไม่ดับ "เหตุ" (ที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้น) ก็ไม่มี "ทางที่จะดับ" สิ่งเหล่านั้นได้เลย

ด้วยเหตุนี้ พระธรรมที่ทรงแสดง แสดงถึง "การดับเหตุที่จะทำให้เกิดอกุศลทั้งหลาย" ไม่ใช่เพียงชั่วคราว แต่จะดับได้ก็ด้วย "ปัญญา" หรือ "ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก" ความเข้าใจถูก ในสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อน เพราะฉะนั้น "จุดประสงค์" จะเปลี่ยนจาก ต้องการปฏิบัติโดยไม่รู้ว่า คืออะไร และเริ่มเข้าใจใน "สิ่งที่มีในขณะนี้" ทีละเล็ก ทีละน้อย และรู้ว่า นั้นคือ "คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า" เพราะว่า (คำสอนนี้) สามารถทำให้ผู้ฟัง พิจารณา ไตร่ตรอง และเข้าใจในสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้ เป็นอย่างนี้หรือยัง หรือว่า อยากจะทราบเรื่องของสมาธิ

ความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรม ตอนที่ ๑


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 15 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 15 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Jans
วันที่ 15 พ.ย. 2553

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
aiatien
วันที่ 15 พ.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chaiyut
วันที่ 17 พ.ย. 2553

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ

สำคัญที่จุดประสงค์ สำคัญที่อบรมเหตุ สำคัญที่ปัญญา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ที่พึ่งที่ระลึก
วันที่ 17 พ.ย. 2553
อนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 18 พ.ย. 2553

เพราะฉะนั้น "จุดประสงค์" จะเปลี่ยนจาก ต้องการปฏิบัติโดยไม่รู้ว่า คืออะไร และ เริ่มเข้าใจใน "สิ่งที่มีในขณะนี้" ทีละเล็ก ทีละน้อย และรู้ว่านั้นคือ "คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า"

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pamali
วันที่ 18 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
bsomsuda
วันที่ 6 ธ.ค. 2553

"จะสงบ ก็ต้องมีเหตุปัจจัย จะไม่สงบ ก็ต้องมีเหตุปัจจัย จะเป็นกุศลจิต ก็ต้องมีเหตุปัจจัย จะเป็นอกุศลจิต ก็ต้องมีเหตุปัจจัย ถ้าไม่ดับ "เหตุ" (ที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้น) ก็ไม่มี "ทางที่จะดับ" สิ่งเหล่านั้นได้เลย

"การดับเหตุที่จะทำให้เกิดอกุศลทั้งหลาย" จะดับได้ก็ด้วย "ปัญญา" หรือ "ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก" ในสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อน

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เซจาน้อย
วันที่ 7 มี.ค. 2555

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ