คำสั้นๆ ... เมตตา

 
khampan.a
วันที่  21 มี.ค. 2554
หมายเลข  18087
อ่าน  4,190

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 19] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า ๒

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถาม (พระอนุรุทธะ พระนันทิยะ และพระกิมิละ) ว่า ก็พวกเธอ ยังพร้อมเพรียงกัน ชื่นบานต่อกัน ไม่วิวาทกัน ยังเป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ แลดูกันและกันด้วยจักษุอันเป็นที่รักอยู่หรือ.

พระอนุรุทธะกราบทูล ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ ยังพร้อมเพรียงกัน ชื่นบานต่อกัน ไม่วิวาทกัน ยังเป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ แลดูกันและกันด้วยจักษุอันเป็นที่รักอยู่."

(ข้อความตอนหนึ่งในจูฬโคสิงคสาลสูตร)

ข้อความสั้นๆ ต่อไปนี้ ประมวลจากความเข้าใจที่ได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมตามที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้บรรยาย ซึ่งเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลแก่ผู้เห็นประโยชน์ของกุศลธรรม เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน ดังนี้

~ ไม่ว่าจะเป็น ณ สถานที่ใด ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครก็ตาม ไม่มีเครื่องกั้นเลยกับการที่จะมีเมตตา

~ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ควรที่จะมีเมตตาต่อกัน ไม่ควรที่จะโกรธกัน ไม่ควรที่จะเบียดเบียนกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม

~ เกิดความขุ่นเคืองพร้อมทั้งซ้ำเติม ซึ่งเป็นการทำให้บุคคลนั้นเดือดร้อน นั่นไม่ใช่ลักษณะของเมตตา

~ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องโกรธกัน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเบียดเบียนทำร้ายกัน แต่ควรอย่างยิ่งที่จะให้อภัยและทำสิ่งที่ดีให้แก่กัน

~ เมตตากับพยาบาทจะเกิดร่วมกันไม่ได้ ขณะใดที่โกรธ รู้ได้เลยว่า เพราะขาดเมตตา จึงโกรธ ขณะใดที่เมตตา ก็รู้ได้เช่นกันว่า ขณะนั้นเป็นสภาพจิตที่ห่างไกลจากความโกรธ

~ เวลาที่โกรธแล้วไม่ลืม สังขารขันธ์ก็จะปรุงแต่งต่อไปอีก ถึงกับเป็นความพยาบาท เป็นความขุ่นเคืองที่คิดจะประทุษร้าย ปองร้าย เบียดเบียนผู้อื่น

~ ถ้าไม่มีเมตตา ไม่อบรมเมตตา ก็ไม่สามารถจะระงับความพยาบาทได้เลย ขณะใดที่ขุ่นเคืองใจ แม้เพียงเล็กน้อย ขณะนั้นก็ไม่มีเมตตาต่อผู้อื่นแล้ว

~ ในชีวิตประจำวัน มีตา เห็น มีหู ได้ยินเสียงของบุคคลต่างๆ อยู่ตลอดเวลา จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ไม่อิ่มในการอบรมเจริญเมตตาให้มีมากขึ้น

~ เมตตา ต้องอบรมเจริญให้แผ่ไป จะไปจำกัดทำไมของดีๆ (เมตตา เป็นธรรมฝ่ายดีที่ควรอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน)

~ เมตตามีคุณมากมาย พร้อมทั้งอุปการะเกื้อกูลให้กุศลธรรมอื่นๆ เจริญขึ้นด้วย จึงควรอย่างยิ่งที่จะอบรมเจริญให้มีขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์สุขทั้งแก่ตนและบุคคลอื่นอย่างแท้จริง

~ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแเสดง เกื้อกูลให้เกิดกุศล ไม่ใช่กุศล เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ และเพื่อสะสมปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจถูก เห็นถูก ต่อไป

~ ทำไมถึงไม่ค่อยได้คิดกันว่า ในที่สุดแล้วเราก็จะต้องตาย? (อะไร ควรจะอบรมเจริญให้มีขึ้น ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อใด)


"ชีวิตสุดแสนคุ้มค่า ที่เกิดมาได้ฟังพระธรรม"

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

ทุกคนจะต้องตายควรเมตตากัน

เมื่อพบกันแล้วก็ควรเกื้อกูลกัน ดีกว่าโกรธกัน

เมื่อได้กระทำความผิดลงไปแล้ว

... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านด้วยครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 21 มี.ค. 2554

ขออนุโมทนาครับ

ผู้ศึกษาธรรม ควรเป็นผู้จริงใจ ที่จะขัดเกลากิเลสของตน ไม่ใช่ของคนอื่น ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pat_jesty
วันที่ 21 มี.ค. 2554

กราบขอบพระคุณกับข้อความดีๆ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 22 มี.ค. 2554

เมตตา มีคุณมากมากมาย พร้อมทั้งอุปการะเกื้อกูลให้กุศลธรรมอื่นๆ เจริญขึ้นด้วยจึงควรอย่างยิ่งที่จะอบรมเจริญให้มีขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์สุขทั้งแก่ตนและบุคคลอื่นอย่างแท้จริง

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอ.คำปั่น ด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
orawan.c
วันที่ 22 มี.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 22 มี.ค. 2554

ขออนุโมทนาในกุศลสัทธา วิริยะ และเมตตาจิตของท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
bsomsuda
วันที่ 22 มี.ค. 2554

"ขณะใดที่ขุ่นเคืองใจ แม้เพียงเล็กน้อย ขณะนั้นก็ไม่มีเมตตาต่อผู้อื่นแล้ว"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนานะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 22 มี.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Supakij.k
วันที่ 22 มี.ค. 2554

เมื่อตรวจสอบและประเมินจิต เจตสิก ในรูป-นามนี้แล้ว เห็นว่ายังต้องเจริญกุศลในเรื่องนี้อีกมากเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความโกรธ ความคับข้องใจ และขุ่นเคืองใจแม้เพียงเล็กน้อย เพราะสังเกตดูแล้วบ่อยครั้งมักจะมีผัสสะเรื่องนี้เข้ามา แต่ก็พยายามละวางหรือตัดวงจรไม่ให้ถึงภพ ถึงชาติ

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 22 มี.ค. 2554

เมตตามีความเป็นไปโดยอาการที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลเป็นลักษณะ มีการนำเข้าไปซึ่งประโยชน์เกื้อกูลเป็นกิจ มีการกำจัดความโกรธ ความอาฆาตเป็นอาการปรากฏ มีการมองเห็นสิ่งที่น่าพอใจของสัตว์ทั้งหลาย (คือไม่เป็นศัตรู) เป็นเหตุใกล้ให้เกิด เมตตานี้มีการสงบพยาบาทเป็นสมบัติ มีการเกิดขึ้นแห่งเสน่หา (ความติดข้อง หรือ โลภะ) เป็นวิบัติ.

(ข้อความบางตอนจาก ... พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณีปกรณ์)

ขอขอบคุณคำสั้นๆ ... ที่เตือนใจ ...

ได้อ่านบ่อยๆ ... ก็คิดได้บ่อยๆ ... เป็นประโยชน์ในการขัดเกลา

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะและหวังว่าจะได้อ่าน ... บ่อยๆ อีก

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เจิด
วันที่ 22 มี.ค. 2554

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chaiyut
วันที่ 22 มี.ค. 2554

เมตตาเป็นสัพพัตถกกัมมัฏฐาน เป็นกุศลที่ควรเจริญให้เกิดบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะเราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพียงลำพัง ต้องมีการเห็น แล้วคิดถึงผู้อื่น สัตว์อื่นเมื่อมีการพบปะพูดคุยกันเป็นปรกติธรรมดา เมตตาเป็นธรรมค้ำจุนโลก ช่วยเกื้อกูลให้เกิดความสงบสุขในการอยู่ร่วมกัน ผู้ที่มีเมตตา จะไม่เป็นภัยกับใคร และใจของเขาก็จะมีแต่ความผาสุก และเมื่อเข้าใจถูกในการอบรมบนหนทางแห่งการหลุดพ้นทุกข์ ก็จะเห็นว่าไม่ขาดการอบรมเมตตา เป็นเมตตาบารมี ซึ่งมีปัญญาเป็นหัวหน้าครับ กระทู้ดีมาก

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลของคุณ khampan.a ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
paew_int
วันที่ 22 มี.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
k_cmu
วันที่ 22 มี.ค. 2554

ขณะใดที่ขุ่นเคืองใจ แม้เพียงเล็กน้อย ขณะนั้นก็ไม่มีเมตตาต่อผู้อื่นแล้ว

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Noparat
วันที่ 23 มี.ค. 2554

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก (ทำให้สัตว์โลกอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข)

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ผิน
วันที่ 24 มี.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
wittawat
วันที่ 26 มี.ค. 2554

อนุโมทนาครับพี่คำปั่น

พร้อมเพรียงกัน ชื่นบานต่อกัน ไม่วิวาทกัน ยังเป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ แลดูกันและกันด้วยจักษุอันเป็นที่รัก ท่านทรงอุปมาได้ไพเราะครับ น้ำนมกับน้ำผสมเข้ากันได้ดี น้ำกับน้ำมันผสมเข้ากันไม่ได้ แยกชั้นกันฉันใด โสภณธรรมและอกุศล ก็เข้ากันไม่ได้ สามัคคีกันไม่ได้ฉันนั้น เฉพาะบริษัทที่เป็นคนดี ทำความดี จนกระทั่งถึงบริษัทที่สามัคคีกันก็ด้วยความดี โสภณธรรมทั้งหลาย พร้อมเพรียงกันทำความดีแม้มีสัตว์ บุคคลเป็นอารมณ์ แล้วก็เกิดเมตตาได้ เป็นมิตรได้ทันที เอื้อเฟื้อเกื้อกูลทันที ทำประโยชน์ทันที ซึ่งง่ายกว่าการหาเรื่องโกรธกัน เพราะต้องมีเรื่องเมตตา จึงเป็น สัพพัตถกกัมมัฏฐาน ที่มีประโยชน์ทุกที่ ทุกสถาน

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
pamali
วันที่ 3 มิ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
เซจาน้อย
วันที่ 10 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
เข้าใจ
วันที่ 16 ต.ค. 2555

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
natural
วันที่ 11 ธ.ค. 2555

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
peem
วันที่ 2 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
kullawat
วันที่ 31 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
chatchai.k
วันที่ 17 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
Jarunee.A
วันที่ 21 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
สิริพรรณ
วันที่ 3 พ.ค. 2567

ขอถวายความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
กราบขอบพระคุณและยินดีในกุศลทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
มังกรทอง
วันที่ 29 ส.ค. 2567

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
swanjariya
วันที่ 30 ส.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ