มาร ๕ [กิเลสมาร...ตอนที่ ๒]

 
เมตตา
วันที่  5 เม.ย. 2554
หมายเลข  18141
อ่าน  7,373

กิเลสมาร คือ กิเลสต่างๆ โลภะ โทสะ โมหะ ... อย่างหยาบจนถึงอย่างละเอียด กิเลสเกิดมากมายในชีวิตประจำวัน ขณะเห็น ขณะได้ยิน ... เพราะความไม่รู้มีมาก เมื่อเห็นแล้วก็ติดข้องทันทีในสิ่งที่น่ารักน่าปรารถนา จะเห็นได้ว่า อกุศลนั้นเกิดมากเกือบจะตลอดทั้งวัน และอกุศลเหล่านี้เมื่อเกิดแล้วก็สะสมสืบต่อเป็นอุปนิสัย เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมก็จะเกิดอีก ขณะอกุศลเกิด กุศลก็เกิดไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ตัวกิเลสนั้นเองเป็นสิ่งขัดขวางไม่ให้ความดีได้เกิดขึ้นเลย

กิเลสนั้นเป็นสภาพธรรมที่เลว ไม่พ้นชีวิตประจำวัน ขณะนี้มีความติดข้อง ขณะนี้มีความขุ่นเคืองใจ ขณะนี้มีความไม่รู้ ขณะนี้ยังมีมารอยู่ ยังต้องเกิดอีกเพราะยังต้องมีการอุบัติของขันธ์ ซึ่งเป็นขันธมาร ซึ่งจะกล่าวในตอนต่อไปค่ะ

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

เรื่อง ... มาร

...ขออนุโมทนาค่ะ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 5 เม.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chaiyut
วันที่ 5 เม.ย. 2554

กิเลสมาร เป็นมารที่ขัดขวางกุศล กิเลสมารมีหลายประการ เช่น

โลภะ เป็นกิเลสมาร ขัดขวางไม่ให้มีการสละสิ่งที่โลภะกำลังติดข้องพอใจอยู่ ขณะที่มีโลภะ ขณะนั้นเห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างทั้งทางสุจริตและทุจริตเพื่อแสวงหาสิ่งที่จะสนองความสุขของตน โลภะ เป็นเหตุให้วนเวียนไปในวัฏฏะไม่สิ้นสุด

โทสะ เป็นกิเลสมาร ขณะที่มีโทสะ ขณะนั้นประทุษร้ายใจของตนก่อน มีสภาพหยาบกระด้าง ขัดเคือง ไม่แช่มชื่น เมื่อสั่งสมมากขึ้นก็จะเป็นปัจจัยให้กระทำทุจริตกรรมร้ายแรงได้ โทสะขัดขวางการเจริญกุศล เวลาที่ไม่พอใจ ใจของผู้โกรธย่อมไม่น้อมไปในการเจริญความดี

โมหะ เป็นกิเลสมาร ขณะที่มีโมหะ ขณะนั้นมืดมิด ไม่รู้สภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง หลง ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี โมหะเป็นปัจจัยให้โลภะ และ โทสะเกิด โมหะขัดขวางไม่ให้เห็นถูกในสภาพธรรมที่ปรากฏได้โดยง่าย อุปมาเหมือนภูเขาใหญ่ที่บังเมล็ดพันธุ์ผักกาดอันเล็กไว้ เมื่อโมหะทำให้ไม่เห็นสภาพธรรม สัตว์โลกจึงไม่พ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ การจะดับกิเลสมารได้ เป็นเรื่องยาก เพราะเราสะสมกิเลสมามาก แต่เริ่มต้นได้ด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ขณะที่เข้าใจ ขณะนั้นสั่งสมอุปนิสัยที่จะน้อมไปรู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ เพื่อละคลายความไม่รู้ และ การยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน จนกว่าจะถึงระดับที่สามารถดับกิเลสมารตามลำดับขั้นได้เป็นสมุจเฉท

สาวก ต้องฟังพระธรรม เพื่ออบรมปัญญาและเจริญบารมีทั้งหลายต่อไป ... เป็นจิรกาลภาวนา

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 5 เม.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กิเลสประการต่างๆ เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ก็เป็นเครื่องตัดหรือทำลายซึ่งความดี และประการที่สำคัญ เพราะยังมีกิเลสอยู่นี้เอง จึงยังต้องมีการเกิดและตายอย่างไม่มีวันจบสิ้น จนกว่าจะได้มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา จึงจะค่อยๆ ละคลายมาร คือ กิเลส ได้ โดยเฉพาะอวิชชา ความไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ครับ

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตา ครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 5 เม.ย. 2554

อุปมาเหมือนภูเขาใหญ่ ที่บังเมล็ดพันธุ์ผักกาดอันเล็กไว้ เมื่อโมหะทำให้ไม่เห็นสภาพธรรม สัตว์โลกจึงไม่พ้นไปจากสังสารวัฏฏ์

ขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 6 เม.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
bsomsuda
วันที่ 9 เม.ย. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 12 เม.ย. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เซจาน้อย
วันที่ 23 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 6 ม.ค. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 16 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ