ปัญหาของนักเต้นรำชื่อตาลบุตร [ตอนที่ ๒ สัตว์ทั้งหลายยังมีกิเลส]
เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังมีกิเลสเป็นเครื่องผูก คือราคะ โทสะ และโมหะ ยังเป็นผู้ ตั้งอยู่ในความประมาท เพราะเมื่อกิเลสเหล่านี้ค่อยๆ สะสมจนมีกำลัง ก็เป็นโอกาสให้ กระทำทุจริตกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยให้ไปเกิดในนรก ตราบใดที่ยังมีกิเลสก็ยังไม่พ้นจาก อบายภูมิไปได้ ท่านอาจารย์กล่าวเตือนไว้ว่า ผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่จะไม่กระทำอกุศลกรรม เลยหรือ เพราะฉะนั้น ไม่ควรประมาทอกุศลธรรมทั้งสาม คือ โลภะ โทสะ และโมหะ ซึ่งเป็นศัตรูภายใน เป็นข้าศึกภายใน เป็นเพชฌฆาตภายใน เพราะฉะนั้นอกุศลธรรม แม้เล็กน้อยก็ไม่ควรมองข้าม เพราะแม้เล็กๆ น้อยก็จะค่อยๆ สะสมจนมีกำลัง จนในที่สุด สามารถที่จะก้าวล่วงกรรมบถได้ ผลของอกุศลกรรมย่อมให้ผลนำเกิดในอบาย
ขออนุโมทนาค่ะ..
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ศัตรูที่น่ากลัวและควรที่จะเห็นโทษเป็นอย่างยิ่งนั้น คือ กิเลส ซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ทำให้หมู่สัตว์ยังวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ นอกจากนั้นยังหมายรวมถึงกิเลสประการอื่นๆ ด้วย เช่น อหิริกะ (ความไม่ละอายต่อบาป) อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่อบาป) อิสสา (ความริษยา เห็นคนอื่นได้ดีแล้ว ทนไม่ได้) มัจฉริยะ (ความตระหนี่) มานะ (ความสำคัญตน) มิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) เป็นต้น กิเลสเกิดขึ้นครั้งใด ย่อมทำให้จิตเศร้าหมองเป็นอกุศล ไม่ผ่องใส และเป็นเครื่องผูกมัดเหล่าสัตว์ไว้ไม่ให้ออกไปจากสังสารวัฏฏ์ ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ย่อมไม่สามารถที่จะเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ย่อมไม่เห็นกิเลสที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งไม่เห็นโทษเห็นภัย นั่นย่อมหมายความว่าไม่สามารถดำเนินไปถึงการดับกิเลสได้ ดังนั้น ประโยชน์สูงสุดในชีวิต คือ ความเข้าใจพระธรรม ซึ่งจะทำให้เป็นผู้ปลอดจากภัย คือ กิเลส และสามารถที่จะดับกิเลสได้ในที่สุด ครับ
...ขอบพระคุณพี่เมตตา และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ให้สัตว์โลกผู้มืดบอดด้วยอวิชชา เปลี่ยนเป็นวิชชาคือ ความรู้ คือแสงสว่าง คือปัญญา เพื่อให้สัตว์โลกพ้นทุกข์ค่ะ
ขอเชิญรับฟังเพิ่มเติม ....
ชุด แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 0331
นาทีที่ 19.17 - 23.23
ข้อความบางตอน...
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ตาลปุตตสูตร มีข้อความว่า
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถานใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่า ตาลบุตร เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวว่า นักเต้นรำคนใด ทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไร
ชุด แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 0332
นาทีที่ 00.00 - 07.10
ข้อความบางตอน...
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกร นายคามณี เราห้ามท่านไม่ได้แล้วว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้แก่เราเลย แต่เราจักพยากรณ์ให้ท่าน
ดูกร นายคามณี เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะ อันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น
เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโทสะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น