จิตของพระอรหันต์เป็นโลกียะหรือโลกุตระ

 
ลุงหมาน
วันที่  19 มิ.ย. 2554
หมายเลข  18582
อ่าน  9,837

จิตของพระอรหันต์คือจิตที่เป็นมหากิริยาจิตนั้น เห็นมีแต่ในโลกียะจิต แต่ในโลกุตระไม่มีจิตที่เป็นมหากิริยาอยู่เลย เพราะฉะนั้นพระอรหันต์จะใช้จิตดวงไหนคือที่เป็นโลกียะหรือโลกุตระ ทั้งๆ ที่โลกุตระก็เป็นจิต หรือที่ท่านเรียกว่าทรงอารมณ์พระนิพพานอยู่ตามที่หลายๆ ท่านพูดกัน และถ้าทรงอารมณ์พระนิพพานอยู่นั้นจิตตรงนั้นจะเรียกว่าจิตอะไร หรือต้องเรียกว่าจิตที่เป็นโลกุตระอีก ผมเป็นผู้ถามผมก็งงกับคำถามผมอยู่เหมือนกัน งั้นอาจารย์ช่วยอธิบายให้ด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 มิ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

โลกียจิต คือ จิตที่เป็นไปในสภาพธรรมที่ยังอยู่ในโลก คือ การเกิดดับ ซึ่งมีจิตที่เป็นโลกียจิต 81 ดวง

ส่วนโลกุตตรจิต คือ จิตที่มีสภาพธรรมที่เหนือโลก โลกคือสภาพธรรมที่เกิดดับ เหนือโลก คือ ไม่เกิดดับ จิตที่มีสภาพธรรมที่ไม่เกิดดับเป็นอารมณ์อันเป็นไปเพื่อดับกิเลส หรือ มีพระนิพพาน เป็นอารมณ์นั่นเอง เป็นโลกุตตรจิต โดยทั่วไปมี 8 ดวง คือ

โสตาปัตติมัคคจิต (กุศล) ๑ ดวง

โสตาปัตติผลจิต (วิบาก) ๑ ดวง

สกทาคามิมัคคจิต (กุศล) ๑ ดวง

สกทาคามิผลจิต (วิบาก) ๑ ดวง

อนาคามิมัคคจิต (กุศล) ๑ ดวง

อนาคามิผลจิต (วิบาก) ๑ ดวง

อรหัตตมัคคจิต (กุศล) ๑ ดวง

อรหัตตผลจิต (วิบาก) ๑ ดวง

โดยพิสดาร มี โลกุตตรจิต 40 ดวงครับ

ดังนั้นขณะใดที่ไม่ใช่ จิต 8 ดวงเหล่านี้ จิตของพระอรหันต์ก็เป็นโลกียะจิต แต่เป็นกิริยาจิต เพราะจิตของท่านไม่เป็นกุศล หรือ อกุศแล้วครับ ดังนั้นกิริยาจิตของท่านจึงเป็นโลกียจิต เพราะไม่ได้มีนิพพานเป็นอารมณ์ เช่น ขณะที่เห็น ไม่ใช่โลกุตตรจิต ขณะที่พระอรหันต์เมตตา เป็นมหากิริยาจิต แต่ไม่ใช่โลกุตตรจิตเพราะไม่ไ่ด้มีนิพพานเป็นอารมณ์ ส่วนจิตขณะใดที่มีนิพพานเป็นอารมณ์ อันเป็นไปเพื่อดับกิเลส จิตนั้นเป็นโลกุตตรจิต ที่เป็นโลกุตตรกุศล ไม่ใช่กิริยาจิต เพราะกุศลเท่านั้นที่จะทำหน้าที่ดับกิเลส แต่กิริยาจิต ไม่สามารถทำหน้าที่ดับกิเลสครับ โลกุตตรจิตจึงมี 2 ชาติ คือ ชาติกุศล กับ ชาติวิบาก ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

โลกียจิต - โลกุตตรจิต

โลกุตตรจิต ๘ ดวง

โลกุตตรจิต ๔๐ ดวง

โลกุตตรจิต มี ๒ ชาติ

ความจริงแห่งชีวิต...ตอนที่ ๑๕๑ จิตตสังเขป (โลกียจิต-โลกุตตรจิต)

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 19 มิ.ย. 2554

ตอนที่พระอรหันต์แสดงธรรม เป็นโลกียจิต เพราะขณะนั้นไม่มีนิพพานเป็นอารมณ์ ถ้าเป็นโลกุตตรจิต ขณะนั้นมีนิพพานเป็นอารมณ์ มีมรรคจิต และผลจิต เป็นต้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ลุงหมาน
วันที่ 19 มิ.ย. 2554

ส่วนโลกุตตรจิต คือ จิตที่มีสภาพธรรมที่เหนือโลก โลกคือสภาพธรรมที่เกิดดับ เหนือโลก คือ ไม่เกิดดับ จิตที่มีสภาพธรรมที่ไม่เกิดดับเป็นอารมณ์อันเป็นไปเพื่อดับกิเลส หรือ มีพระนิพพาน เป็นอารมณ์นั่นเอง เป็นโลกุตตรจิต โดยทั่วไปมี 8 ดวง

ยังสงสัยอยู่ครับ โลกุตตรจิต 8 เป็นจิตที่ไม่เกิดไม่ดับ เป็นอารมณ์เพื่อดับกิเลส แต่จิตที่เป็นโลกุตตรจิต 8 ดวง ประกอบด้วยองค์มรรค 8 และเจตสิกที่เกิดร่วมรวมเป็น 36 ดวง ถือว่าเป็นเจตสิกที่ปรุงแต่งโลกุตตรจิต 8 อยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นน่าจะมีการเกิดดับหรือเป็นเช่นใด ขอทราบรายละเอียดเพื่อประดับความรู้จริงด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 19 มิ.ย. 2554

เรียนความเห็นที่ 3 ครับ

ท่านมุ่งหมายถึงตัวอารมณ์ของจิตครับ คือ พระนิพพานที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง จึงเป็นโลกุตตรจิต เพราะสภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เหนือโลกเป็นอารมณ์ เพราะฉะนั้นมุ่งกล่าวถึงตัวอารมณ์ของจิตครับ ดังนั้นชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าโลกุตตรจิต แสดงว่าต้องมีจิต ดังนั้นตัวจิต เจตสิก ต้องมีปัจจัยปรุงแต่งแน่นอนครับ แต่ที่เป็นโลกุตตรจิตเพราะมีนิพพานเป็นอารมณ์ จึงมุ่งกล่าวถึงตัวอารมณ์เป็นสำคัญครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 19 มิ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันต์ คือ ผู้ที่ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ไม่มีเหลือ เมื่อดับกิเลสได้ทั้งหมดแล้ว ชีวิตของท่านก็ดำเนินไปอย่างผู้ไม่มีกิเลส ไม่มีจิตเจตสิกที่เป็นไปกับด้วยกิเลสเกิดขึ้นอีกเลย แต่ก็ยังมีจิตประเภทอื่นๆ เกิดขึ้น ซึ่งโดยปกติของพระอรหันต์จะมีจิตเพียง ๒ ชาติ (ชาติ คือ การเกิดขึ้นของจิต) ได้แก่ วิบากชาติ (จิตเกิดขึ้นเป็นวิบากรับผลของกรรม เช่น ขณะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส เป็นต้น จิตเห็น ไม่ว่าจะเป็นของใคร ก็เป็นเพียงวิบากจิตที่เกิดขึ้นทำกิจเห็นแล้วก็ดับไป เหมือนกันจิตเห็นของพระอรหันต์ เป็นโลกิยจิต ไม่ใช่โลกุตตรจิต) กับ กิริยาชาติ (จิตเกิดขึ้นเป็นกิริยา คือ ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่วิบาก เช่นในขณะที่ท่านช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เป็นต้น) จนกว่าจะดับขันธปรินิพพาน ซึ่งเมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ ไม่มีจิต เจตสิก และ รูปเกิดขึ้นอีกเลย เป็นผู้สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ลุงหมาน
วันที่ 20 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนากับท่านอาจารย์ทั้งสองท่านนะครับ

ที่ช่วยขยายความสงสัยให้

ดูแล้วธรรมะของพระพุทธเจ้าช่างละเอียดลึกซึ้งจริงๆ

ถ้าไม่พิจารณาให้ดีคงเข้าใจได้ยาก

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 20 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
kinder
วันที่ 22 มิ.ย. 2554
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 8 ม.ค. 2562

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
bigcat001
วันที่ 20 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาในคำถามและคำตอบ ทำให้เข้าใจมากขึ้น...ลึกซึ้งจึงเห็นยาก จริงๆ คับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ