มรณสติ [อักโกสกสูตร]

 
wittawat
วันที่  16 ก.ค. 2554
หมายเลข  18753
อ่าน  1,629

มรณสติ

เป็นของธรรมดา ยังไม่ตายแต่ต้องตาย เห็นกันวันนี้อาจไม่เห็นกันวันหน้าจากโลกนี้แล้วไปไหน เป็นอะไร อกุศล ที่สะสมไว้เต็มวันนี้ สืบทอดต่อไปอีกในสังสารวัฏฏ์ เจอใครใหม่ ก็รักอีก ชังอีก ด้วยเหตุนี้ การฟังพระธรรมคีอประโยชนสูงสุด คือเห็นธรรมตามความเป็นจริง มิฉะนั้นไม่มีทางละคลายอกุศลสมบัติมีมากมาย แต่จะตายอยู่แล้ว ยังอยากเก็บไว้เป็นของเรา ไปเรื่อยๆ นานๆ หรือ เคยโกรธใคร จะตายแล้วก็ขอโกรธต่อไป หรือว่า จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นของใครอย่าง แท้จริง

อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจาก...

อักโกสกสูตร.. ข้อความเตือนสติเรื่องอักโกสกสูตร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ก.ค. 2554

สมบัติมีมากมาย แต่จะตายอยู่แล้ว ยังอยากเก็บไว้เป็นของเราไปเรื่อยๆ นานๆ หรือ เคยโกรธใคร จะตายแล้วก็ขอโกรธต่อไป หรือว่า จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นของใครอย่าง แท้จริง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tookta
วันที่ 16 ก.ค. 2554

มรณสติ คือสิ่งที่เตือนสติเราว่าเมื่อมีการเกิดและจะต้องมีการดับใช่หรือไม่คะ หากว่าใช่ ก็ในเมื่อได้เกิดมาเล้วเราก็ต้องกระทำสิ่งที่ดีและถูกต้อง ไม่ได้ทำร้ายผู้อื่นให้เดือดร้อน ทำบุญกุศลให้มากที่สุด และช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลังที่เราจะทำได้ และต้องประกอบอาชีพโดยสุจริต เพี่อเลี้ยงตนเอง และรักษาทรัพย์สมบัติของเราตามความสามารถของเราที่เรารักษาได้ ถ้าทรัพย์สมบัติต้องสูญหายหรือไปจากเรา เราก็ไม่ต้องไปเสียดาย (มันจะทำให้เราเกิดทุกข์) เมื่อชีวิตเราต้องจบลงก็อย่าไปยึดติดกับทรัพย์สมบัติของเราเพราะถ้าเราตายไปเราก็เอาอะไร ไปไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 16 ก.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

ใช่ครับ มรณสติ คือ ปัญญาที่พิจารณาเห็นตามความเป็นจริงว่า ไม่ว่าสิ่งใดที่มีปัจจัยปรุงแต่งก็ต้องมีการเกิดขึ้นและดับไป ชีวิตก็เช่นกัน เมือมีการเกิดขึ้น และก็ต้องดับไปจากโลกนี้แน่นอน ซึ่งพระธรรมที่พระพุทธองค์ได้แสดงไว้ มีความละเอียดลึกซึ้งมาก พระองค์แสดงว่า ขณะนี้ก็กำลังจากไปทุกขณะ กำลังตายไปทุกขณะ เพราะชีวิตก็คือ ขณะจิตที่เกิดขึ้นและดับไป ขณะนี้กำลังมีจิต และจิตก็เกิดขึ้นและดับไป จึงกำลังเกิดและตายไปทุกๆ ขณะอยู่แล้วครับ จึงไม่มีเรา มีแต่ธรรม และเมื่อกล่าวโดยสมมติ เมือมีการเกิดขึ้นก็ต้องมีการจากไป ตายไปจากโลกนี้แน่นอน
การพิจาณาด้วยมรณสติตามความเป็นจริง เพื่อให้เกิดปัญญาพิจารณาและจึงเห็นโทษในอกุศลต่างๆ ตามความเป็นจริงและเห็นคุณของการมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะอบรมปัญญา ทำความดี ตามที่คุณ tookta ได้กล่าวมานั้นถูกต้องครับ ไม่ใช่แค่เพียงพิจารณาความตายเท่านั้น แต่ประโยชน์เมื่อได้พิจาณาความตายแล้ว ก็พิจารณาด้วยปัญญาว่าสิ่งใด ควรทำ ไม่ควรทำและประโยชน์ของการมีชีวิตอยู่ก่อนตายคืออะไรครับ สะสมสิ่งที่เอาไปไม่ได้มากๆ และเป็นที่ตั้งของความติดข้อง หรือ สะสมสิ่งที่ดี ที่จะติดตัวไปได้ครับ มีปัญญา เป็นต้น

ขออนุโมทนาที่มีความเห็นถูกครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 17 ก.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wittawat
วันที่ 17 ก.ค. 2554

ขออนุโมทนาในความเห็นถูกที่เกิดขึ้นครับ

ขอแสดงความเห็นตามกำลังความเข้าใจครับ

มรณสติ เป็นเครื่องเตือนว่าวันหนึ่ง จะต้องสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ เปลี่ยนสภาพสู่อีกบุคคลหนึ่ง ไม่กลับมาอีกเลย แล้วสิ่งใดที่ควรสะสม ทรัพย์ที่มีค่า ยังเป็นที่ตั้งแห่งความติดข้อง ต้องมีวันหนึ่งที่พลัดพราก สูญสิ้นทุกอย่าง วงศาคณาญาติ ที่เคยไปมาหาสู่ แม้แต่ร่างกายที่ยึดถือไว้โดยความเป็นเรา แต่กุศลธรรม ความดี ทุกประเภท ทำความดี เป็นคนดี เป็นธรรมคือ อุปนิสสยปัจจัยที่สะสมไว้ จากอดีต สู่วันนี้ จากวันนี้ ไปสู่วันถัดๆ ไปความเข้าใจในวันก่อนๆ เป็นปัจจัยให้พิจารณาไตร่ตรองธรรมให้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่ได้สูญหายไป เช่นเดียวกับโภคทรัพย์ของมีค่าอื่นเลยครับ มิฉะนั้น จะไม่มีท่านพระสารีบุตรเถระที่ฟังธรรมเข้าใจ ละความเห็นผิดว่าเป็นเราได้ เพียงเพราะคาถา ๔ บาทดังนี้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ก.ค. 2564
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ