ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๑๓

 
khampan.a
วันที่  28 ส.ค. 2554
หมายเลข  19597
อ่าน  2,070

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้งรวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓]

[1] พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นที่เคารพสักการะบูชาของมนุษย์ เทวดา พรหม เพราะพระปัญญาคุณที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้เข้าใจ ซึ่งผู้ศึกษาพระธรรมในยุคนี้สมัยนี้ก็เริ่มที่จะมีความเห็นถูกสะสมปัญญารู้จักพระคุณของพระองค์จากการที่ได้เข้าใจพระธรรม พร้อมทั้งเห็นพระกรุณาคุณ และพระบริสุทธิคุณของพระองค์ด้วย เพราะทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจถูกเห็นถูกเท่านั้น ไม่ได้ทรงมุ่งหวังสิ่งอื่นเลย

[2] การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมทุกครั้ง ไม่เสียประโยชน์ ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น โดยเฉพาะท่านที่ฟังด้วยดี ใส่ใจในเหตุผล และศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การที่จะดับกิเลสจริงๆ ก็ย่อมจะได้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นแนวทางให้อบรมในทางที่ถูกต้องต่อไป

[3] ความเจริญด้วยญาติ ด้วยโภคะ และด้วยยศ เป็นความเจริญที่มีประมาณน้อย ไม่ประเสริฐเหมือนกับความเจริญด้วยปัญญา เพราะเหตุว่าญาติก็ดี โภคทรัพย์ก็ดี ยศก็ดี ไม่สามารถติดตามไปในภพหน้าได้ ไม่ได้เป็นที่พึ่งที่แท้จริง แต่ความเจริญอันจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงนั้น ก็คือ ปัญญา

[4] ปัญญา เป็นที่พึ่งได้ทั้งในโลกนี้ ทั้งในโลกหน้า และเป็นเหตุให้บรรลุถึงประโยชน์อย่างยิ่ง กล่าวคือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสประการต่างๆ ได้ในที่สุด

[5] ถึงแม้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงแสดงโทษของทุจริตไว้มากมาย หลายประการ อย่างไรก็ตาม แต่ถ้ากิเลสที่ได้สะสมมามีกำลังเมื่อใด ก็แสดงความเป็นอนัตตา เมื่อนั้น คือ กระทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริตไปในขณะนั้น ซึ่งจะประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลย แม้แต่นิดเดียว และไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะกระทำความชั่ว ซึ่งเป็นทุจริตประการต่างๆ เพราะไม่คุ้ม

[6] กรรมชั่วที่ได้กระทำไปแล้วนั้น ให้ผลเป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส มีทุกข์ในนรก เป็นต้น

[7] สภาพธรรมเกิดแล้วดับ ไม่กลับมาอีกเลย เกิดมาในภพนี้ชาตินี้ ก็ชั่วคราว สั้นแสนสั้น

[8] ไม่ควรแก้ปัญหาอย่างง่ายๆ ด้วยการกล่าวเท็จ เพราะผู้ที่เป็นสัตบุรุษ ท่านจะไม่กล่าวมิจฉาวาจาเลย ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใดๆ ก็ตาม

[9] วาจาที่น่ารัก ต้องเป็นคำสุภาพ ไม่ใช่คำหยาบ และที่สำคัญ ไม่ใช่คำประจบประแจง เพราะคำประจบประแจง เป็นวาจาทุพภาษิต (คำพูดชั่ว) ไม่ใช่วาจาสุภาษิต (คำพูดที่ดี)

[10] การคบบัณฑิตกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา ย่อมนำมาซึ่งความเจริญทั้งปวง ไม่นำความเสื่อมมาให้เลยแม้แต่น้อย

[11] ความเห็นผิด ไม่ว่าจะเกิดกับใคร ก็เป็นทางที่จะนำไปสู่อบายภูมิได้ทั้งนั้น เพราะเมื่อมีความเห็นผิดแล้ว ทุกอย่างผิดหมด กายผิด วาจาผิด ใจผิด เป็นไปตามความเห็นที่ผิด

[12] อันตรายของโลภะ คือ ไม่รู้จักพอ ได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ ได้แล้วก็อยากได้อีกต่อไป เมื่อสะสมมากขึ้น ก็กระทำอกุศลกรรม สร้างเหตุที่ไม่ดีให้กับตนเอง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ไม่ดีในอนาคตข้างหน้า

[13] กุศล ทำกิจของกุศล อกุศล ทำกิจของอกุศล ไม่ปะปนกัน

[14] พระธรรมทุกคำ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกอย่างแท้จริง

[15] ความคิดในใจของแต่ละคน ใครๆ ก็ไม่รู้หรอก แต่พอเปล่งออกมาเป็นคำพูดเท่านั้นแหละ รู้เลย ว่า จิตเป็นอะไร กุศล หรือ อกุศล

[16] จิตแต่ละขณะที่เกิดขึ้นย่อมกระทำกิจหน้าที่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในขณะหลับ หรือ ตื่น ไม่เคยปราศจากจิตแม้แต่ขณะเดียว

[17] สัตว์โลก มีความเสมอกัน โดยความที่มีจิต เจตสิก และ รูป แต่ที่แตกต่างกัน คือ ผลของกรรม และ การสะสม

[18] พระพุทธศาสนา เพื่อละ ไม่ใช่เพื่อได้ เป็นการละความไม่รู้ และ อกุศลทั้งหลาย เป็นหนทางละโดยตลอด

[19] งานง่าย คือ งานเพิ่มกิเลส งานยาก คือ งานละกิเลส

[20] ขณะที่บอกว่า "ไม่มีเวลาสำหรับฟังพระธรรม" นั้น กำลังทำงานอย่างง่ายๆ คือ เพิ่มกิเลสให้มีมากยิ่งขึ้น

[21] สภาพธรรมที่ดีงาม ย่อมคล้อยไปตามความเข้าใจพระธรรม

[22] ภาระที่ยิ่งใหญ่ คือ การทำลายกิเลส

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๑๒ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๒

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 28 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 28 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pat_jesty
วันที่ 29 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 29 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
fam
วันที่ 29 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 29 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Noparat
วันที่ 29 ส.ค. 2554

งานง่าย คือ งานเพิ่มกิเลส งานยาก คือ งานละกิเลส

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Jans
วันที่ 29 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
หลานตาจอน
วันที่ 30 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
bsomsuda
วันที่ 30 ส.ค. 2554

"ไม่ควรแก้ปัญหาอย่างง่ายๆ ด้วยการกล่าวเท็จ เพราะผู้ที่เป็นสัตบุรุษ ท่านจะไม่กล่าวมิจฉาวาจาเลย ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใดๆ ก็ตาม"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
jaturong
วันที่ 6 ต.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
kullawat
วันที่ 19 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ms.pimpaka
วันที่ 16 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
มังกรทอง
วันที่ 21 ส.ค. 2565

แจ่มแจ้ง การศึกษาตั้งแต่เบื้องต้น คือการฟังพระธรรม ก็ต้องเริ่มให้ถูกต้องว่า แท้จริงแล้ว ไม่มีเรา แต่เป็นธรรมแต่ละอย่างที่เกิดจากเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็วในแต่ละขณะ ซึ่งความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้นนี้ จะนำไปในหนทางที่ถูกต้องในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ตามความเป็นจริงต่อๆ ไป

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ สาธู ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Jarunee.A
วันที่ 5 ธ.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ