ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๑๔

 
khampan.a
วันที่  3 ก.ย. 2554
หมายเลข  19644
อ่าน  2,845

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้งรวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๔]

[1] ผลไม้ที่อยู่บนต้น ไม่แน่เสมอไปว่า ผลที่สุกงอมเท่านั้นที่จะร่วงหล่น แม้แต่ผลอ่อนๆ ก็ยังสามารถที่จะร่วงหล่นได้ ฉันใด ทุกวัยก็สามารถที่จะถึงมรณะวันหนึ่งวันใดก็ได้ ฉันนั้น

[2] ในชีวิตประจำวัน กิเลสมีมาก และจะมากขึ้นทุกวันๆ ถ้าไม่ได้ขัดเกลาให้ละคลายลงไป ก็ยิ่งจะเพิ่มขึ้น ยากแก่การที่จะดับ ยากแก่การที่จะละคลาย

[3] กิเลสที่เกิดขึ้นแต่ละขณะ ไม่ว่าจะเป็นโลภะ หรือโทสะ หรือโมหะ ถ้ามีมากๆ จะปรากฏเป็นทุจริตกรรมทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจบ้าง แต่ถ้าไม่มีกิเลสต่างๆ เหล่านี้เลย อกุศลกรรมทางกาย ทางวาจา ทางใจ ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย โดยทั่วไป เวลาที่มีใครประสบเหตุการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด แล้วมักจะพูดว่า เป็นกรรมของคนนั้น ซึ่งถ้าจะให้เข้าใจอย่างถูกต้องจริงๆ แล้ว ควรจะบอกว่า เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วของบุคคลนั้น ก็จะทำให้เข้าใจชัดเจนขึ้นว่า ขณะใดเป็นผลของกรรม และขณะใดเป็นกรรม ซึ่งไม่ปะปนกันเลย

[4] ขณะนี้ทุกคนยังเป็นมนุษย์ ยังปลอดภัยกว่าการเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ แต่กาลข้างหน้าซึ่งอาจจะช้าหรือเร็วเพียงใด ไม่สามารถทราบได้ ที่จะต้องเปลี่ยนสภาพจากความเป็นบุคคลนี้ จึงควรอย่างยิ่งที่จะขวนขวายในการเจริญกุศลประการต่างๆ อย่างแท้จริง เพราะเหตุว่า ถ้าประมาท มัวเมา กระทำอกุศลกรรม พอถึงคราวที่อกุศลกรรมให้ผล ทำให้เกิดในอบายภูมิแล้ว ย่อมจะขาดการเจริญกุศลอย่างที่มนุษย์สามารถจะเจริญได้ ชาตินี้ยังเป็นโอกาสอยู่ที่หิริและโอตตัปปะจะเกิด แล้วก็ละคลายอกุศล เพื่อว่าชาติหน้าจะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาคิดว่า ชาติก่อนนี้ไม่ควรจะทำอกุศลอย่างนั้นๆ เลย (ไม่น่าเลยที่จะกระทำไม่ดีอย่างนั้นๆ) เพราะชาตินี้ ก็จะเป็นชาติก่อน ของชาติหน้า

[5] ทางวาจา ก็มีคำพูดที่เป็นโทษ ไม่เป็นประโยชน์ แต่ก็ยังพูด เพราะกำลังของความไม่ละอาย และความไม่เกรงกลัวต่ออกุศล นั่นเอง

[6] ถ้าเพียงเกิดความพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ในชีวิตประจำวันปกติธรรมดา ยังไม่สำเร็จเป็นอกุศลกรรม จึงยังไม่ใช่เหตุที่จะทำให้เกิดวิบาก แต่เมื่อใดที่ล่วงเป็นทุจริตกรรม สำเร็จเป็นอกุศลกรรมแล้ว จึงเป็นเหตุที่สมบูรณ์ที่จะทำให้วิบากเกิดขึ้นได้ จะว่า โลภะ ดีนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะโดยลักษณะสภาพแท้จริงของโลภะแล้ว เป็นอธรรม คือ ไม่ใช่ธรรมฝ่ายดีโดยส่วนเดียวเท่านั้น

[7] ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะเป็นสมบัติอันแท้จริง เพราะสภาพธรรมแต่ละอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้น มีก็เหมือนไม่มี เป็นสิ่งที่ว่างเปล่าจริงๆ เมื่อดับไปแล้ว สิ่งนั้นไม่ได้กลับมาอีกเลย

[8] ทุกคนก็ต้องเดินทางชีวิตต่อไป อีกยาวนานในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะอบรมเจริญปัญญา ถึงขั้นที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอริยบุคคล และชีวิตข้างหน้า ก็จะสุขทุกข์อย่างไร ก็ย่อมเป็นไปตามกรรม ซึ่งถ้าทุกคนมีความมั่นใจจริงๆ และมีความเข้าใจจริงๆ ในเรื่องกรรมและผลของกรรม ก็ย่อมจะเป็นผู้ที่ไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ เท่าที่จะเป็นไปได้

[9] ฤกษ์ดี เวลาดี มงคลดี ทั้งหมดก็คือ ขณะจิตที่เป็นกุศล ไม่ว่าจะเป็นขณะใดทั้งตอนเช้า ตอนกลางวัน ตอนเย็น

[10] พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา มีประโยชน์สำหรับผู้ที่น้อมรับฟังด้วยความเคารพ และน้อมประพฤติปฏิบัติตาม อย่างแท้จริง

[11] การฟังพระธรรมไม่มีวันจบ การศึกษาพระธรรมไม่มีวันจบ การกระทำกิจที่จะพึงกระทำก็ไม่มีวันจบ จนกว่าจะถึงความเป็นพระอรหันต์ ซึ่งแต่ละบุคคลก็จะต้องสะสมกุศลเป็นบารมีเพื่อจะให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส ต่อไปเรื่อยๆ

[12] ประโยชน์ที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ คือ เพื่อฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจยิ่งขึ้น

[13] พระธรรมทุกคำ มีคุณค่ามาก เพราะเป็นวาจาสัจจ์ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกของผู้ได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๑๓ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nong
วันที่ 4 ก.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 4 ก.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
หลานตาจอน
วันที่ 4 ก.ย. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 4 ก.ย. 2554

ขอบพระคุณสำหรับข่าวดีๆ ที่อาจารย์คำปั่นนำมาให้อ่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 4 ก.ย. 2554

พระธรรมทุกคำ มีคุณค่ามาก เพราะเป็นวาจาสัจจ์ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกของผู้ได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง.

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิต ของ อ. คำปั่น ด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 4 ก.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 5 ก.ย. 2554

"ประโยชน์ที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ คือ เพื่อฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจยิ่งขึ้น"

ขอบคุณและขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
SIRICHAI
วันที่ 5 ก.ย. 2554
ขอบคุณครับที่นำเสนอธรรมะดีๆ ทำให้ผมไม่ประมาทในชีวิตเพิ่มขึ้น เพราะไม่ทราบว่าผลไม้ทั้งแก่และไม่แก่หล่นได้ทุกเวลา อาจจะเป็นพรุ่งนี้ หรืออาจจะเป็นวันนี้เราไม่ทราบได้และขออนุโมทนาในกุศลจิตที่เกื้อกูลสหายธรรมทั้งหลายครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 5 ก.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
bsomsuda
วันที่ 5 ก.ย. 2554

"ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะเป็นสมบัติอันแท้จริง เพราะสภาพธรรมแต่ละอย่าง เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้น มีก็เหมือนไม่มี เป็นสิ่งที่ว่างเปล่าจริงๆ เมื่อดับไปแล้ว สิ่งนั้นไม่ได้กลับมาอีกเลย"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
kinder
วันที่ 6 ก.ย. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 7 ก.ย. 2554

จึงควรอย่างยิ่งที่จะขวนขวายในการเจริญกุศลประการต่างๆ อย่างแท้จริง เพราะเหตุว่าถ้าประมาทมัวเมา กระทำอกุศลกรรม พอถึงคราวที่อกุศลกรรมให้ผล ทำให้เกิดในอบายภูมิแล้ว ย่อมจะขาดการเจริญกุศลอย่างที่มนุษย์สามารถจะเจริญได้

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
aurasa
วันที่ 14 ก.ย. 2554

ประโยชน์ที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ คือ เพื่อฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจยิ่งขึ้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิต อ.คำปั่น ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
jaturong
วันที่ 6 ต.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
swanjariya
วันที่ 25 ธ.ค. 2555

กราบขอบพระคุณยิ่งและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
kullawat
วันที่ 1 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
chatchai.k
วันที่ 24 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
มังกรทอง
วันที่ 3 มิ.ย. 2564

สมควรอย่างยิ่งที่จะฟังพระธรรม เพื่อสะสมความรู้ความเข้าใจความจริง ละคลายความไม่รู้ น้อมกราบอนโมทนาสาธุ สาธู สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Onanong Triworapan
วันที่ 22 ก.ค. 2564

ขอน้อมอนุโมทนาสาธุคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
มังกรทอง
วันที่ 23 ส.ค. 2565

อาจารย์สุจินต์ท่านแจ้งได้แจ่มแจ้งยิ่งนักขอรับ ด้วยแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาจากพระปัญญา ซึ่งรู้ว่าสัตว์โลกไม่รู้ เพราะฉะนั้น ความรู้จะไม่มีเลยถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงธรรม เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ฟังไว้ เพื่อที่จะค่อยๆ เข้าใจจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงได้ตามลำดับ

กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
Centella
วันที่ 23 ส.ค. 2565

น้อมระลึกบูชาพระคุณทั้งสามด้วยเศียรเกล้า

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
Jarunee.A
วันที่ 5 ธ.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ