ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๒๐
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้งรวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๐] *
[1] ธรรมทั้งหมดที่เป็นฝ่ายกุศลธรรม เป็นห้วงน้ำที่ไม่มีเปือกตม เพราะสามารถที่จะชำระขัดล้างบาปธรรมซึ่งเป็นเหงื่อไคลและมลทินออกได้ ส่วน ศีล เป็นเครื่องลูบไล้ ซึ่งมีกลิ่นหอมไม่รู้จักหาย ไม่เป็นที่รังเกียจของใครเลย บุคคลผู้มีศีลอยู่ใกล้ใคร จะไม่มีบุคคลใดรังเกียจ
[2] คำพูดที่แสดงถึงความสำคัญตน ย่อมเกิดจากอกุศลจิตที่ตรงกันข้ามกับสภาพจิตใจที่อ่อนโยน มีเมตตา มีความเป็นเพื่อน อย่างสิ้นเชิง
[3] บุคคลผู้มีโลภะมากๆ ติดข้องมากๆ ย่อมไม่รู้จักคำว่าพอ ถึงแม้ภูเขาจะเป็นทองคำ ก็ยังไม่พอแก่กำลังของโลภะของผู้นั้น
[4] จะต้องมีชาติหน้า ก็เพราะเหตุว่าชาตินี้ยังมีโลภะอยู่ คนที่ไม่มีโลภะเท่านั้นที่จะไม่มีภพใหม่
[5] ข้อสำคัญที่สุด ควรจะเห็นข้าศึกภายใน คือ ความโกรธของตนเอง แทนที่จะคิดว่า ท่านมีศัตรูหลายคน หรือว่าอาจจะมีคนที่ไม่ชอบท่าน ทำสิ่งที่ไม่ดีกับท่านหลายคน แต่ตามความเป็นจริงแล้ว ข้าศึกที่แท้จริงอยู่ภายใน คือ ความโกรธของท่านเอง
[6] ในขณะที่คิดมุ่งร้ายต่อผู้อื่น ตนเองย่อมเดือดร้อนก่อน
[7] จิตใจของเราเศร้าหมอง ที่ใช้คำว่า “เศร้าหมอง” ในทีนี้ หมายความว่า ไม่สะอาด สกปรก เต็มไปด้วยอกุศล
[8] อุตส่าห์มาฟังพระธรรม แล้วยังไปคิดถึงเรื่องอื่น
[9] สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ คือ สิ่งที่มีจริงๆ
[10] จริงที่สุด คือ ปรมัตถธรรม
[11] การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง ทำให้พ้นจากการคิดธรรมเอาเอง สิ่งที่ทำให้ผิดปกติ คือ ความเห็นผิดและความไม่รู้
[12] เกิดมาในโลกนี้ ด้วยความไม่รู้ แล้วยังจะไม่รู้ต่อไปอีกหรือ?
[13] ที่สุดของความไม่รู้ คือ จมอยู่ในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
[14] ที่สุดของความรู้ คือ ละความไม่รู้ได้อย่างหมดสิ้น
[15] ขณะที่อกุศลจิตเกิดขึ้น เหมือนอยู่ในบ้านของศัตรู เลี้ยงดูศัตรูให้อิ่มหนำสำราญ
[16] กิเลส เป็น ศัตรู / ไม่มีศัตรู คือ ไม่มีกิเลส
[17] สิ่งที่ทำให้ผิดปกติ คือ ความเห็นผิดและความไม่รู้
[18] อบายภูมิ มี นรก เป็นต้น มีจริง แต่ว่าใครจะไปเกิดเมื่อไร ไม่ทราบ แต่มี เพราะฉะนั้น กิเลสทั้งหลายเมื่อสำเร็จลง กรรมที่ได้กระทำแล้ว ชื่อว่ามีภูมิที่ได้แล้ว เพราะเมื่อถึงคราวที่อกุศลกรรมให้ผล ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิ มีนรก เป็นต้น ได้
[19] บุคคล ผู้มากไปด้วยอกุศล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงอกุศลธรรม เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นอกุศล มีมากอย่างนี้แล้วจะบรรเทาอกุศลได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ด้วยปัญญา
[20] กิเลส เป็นภัย สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย มาจากกิเลสทั้งหมด
[21] ปลูกฝังความมั่นคง ด้วยความเป็นผู้ตรงต่อพระธรรม
[22] ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ก็พูดคำที่ไม่รู้จักตั้งแต่เกิดจนตาย
[23] เวลาเห็นคนอื่นทำความดี แล้ว (คิด) อย่างไร จะปล่อยให้คนอื่นดีไป หรือว่าเราก็ควรจะเป็นคนดีอย่างเขาด้วย
[24] กำลังของกุศลเท่านั้น ที่จะทำให้ทุกอย่างดำเนินไปในทางที่ดี
[25] พระธรรมเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ศึกษาต่อไปเถิด
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๑๙ ได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
[หมายเหตุ : เป็นกระทู้ที่ตั้งซ้ำใหม่ เนื่องจากข้อมูลได้หายไปครับ]
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นและทุกท่านครับ