ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๒๑

 
khampan.a
วันที่  5 ธ.ค. 2554
หมายเลข  20106
อ่าน  2,724

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้งรวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑]

[1] ไม่ใช่เพียงการได้รับผลของกรรมในปัจจุบันเท่านั้นที่แตกต่างกัน แม้เหตุคือกรรม (การกระทำ) ในปัจจุบัน ก็หลากหลายแตกต่างกัน ดีบ้าง ชั่วบ้าง มากน้อยตามการสะสมของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นความวิจิตรของจิต เพราะการกระทำทุกอย่างที่ต่างกันนี้เอง จึงเป็นเหตุทำให้เกิดผลข้างหน้าแตกต่างกันออกไปด้วย ตามสมควรแก่กรรม เพราะฉะนั้น ข้อความที่ว่า “สัตวโลก เป็นที่ดูบุญและบาป และ (ดู) ผลแห่งบุญและบาป” นั้น จึงเป็นเครื่องส่องให้เห็นถึงผลซึ่งมาจากเหตุในอดีต และเหตุในปัจจุบันที่จะส่งผลในอนาคตข้างหน้า ซึ่งไม่พ้นไปจากเรื่องของกรรม และ ผลของกรรม เลย

[2] ถ้าโลภะเกิดหรือถ้าโทสะเกิดแล้ว จะให้กาย วาจา เป็นกุศล ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

[3] ผู้ที่มีความประพฤติที่ไม่สมควรต่างๆ มากมาย นั้น ก็เพราะว่า ไม่ได้คล้อยตามพระพุทธพจน์ ไม่ได้น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม

[4] ถ้าจะให้อภัยใครก็จะให้อภัยชาติหน้า ไม่สำเร็จแน่นอน ถ้าชาตินี้ไม่ให้อภัย ชาติหน้าจะให้อภัยได้อย่างไร? ถ้าชาตินี้ไม่เริ่มที่จะละคลาย โลภะ โทสะ โมหะ บ้าง แล้วก็หวังจะละคลายในชาติหน้า ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ต้องเริ่มตั้งแต่ในขณะนี้ในชาตินี้ ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า

[5] สิ่งที่จริงในขณะนี้ เป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น นี้คือ ความหมายของอนัตตา

[6] ตา (จักขุปสาทรูป) ไม่หวาน ตา ไม่เค็ม ตาเป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็นที่รับกระทบกับสิ่งที่ปรากฏทางตาคือสี เท่านั้น

[7] รรมฝ่ายอกุศล มีมากทุกวันๆ แล้วจะไม่เสื่อมได้อย่างไร? เมื่อสะสมความไม่รู้มากยิ่งขึ้น ก็ทำให้เสื่อมแน่นอน เสื่อมจากคุณธรรม ปัญญาก็ไม่เกิด แล้วความดีจะมาจากไหน เมื่ออกุศล คือ ความไม่รู้ มีมาก ก็ยิ่งสะสมความไม่ดี มากยิ่งขึ้น ถ้าไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูกเลย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าขณะนี้เป็นกุศล หรือ เป็นอกุศล?

[8] ไม่ว่าจะพูดหรือทำ ล้วนเป็นไปในอำนาจของจิต ถ้าจิตใจดี มือเท้าก็เป็นไปในทางที่เป็นประโยชน์ มีการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น กระทำในสิ่งที่ดีงาม เป็นต้น แต่ถ้าเป็นอกุศลจิต คิดร้ายเบียดเบียนผู้อื่น มือเท้าก็ประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่น

[9] พระธรรมคำสอนทั้งหมด เพื่อปัญญา ไม่ใช่เพื่อไม่รู้ จากไม่รู้ แล้วค่อยๆ รู้ขึ้น จึงจะชื่อว่า ศึกษา

[10] ขณะใดที่เข้าใจธรรม ขณะนั้นไม่เสียเวลา และไม่เสียประโยชน์

[11] ไม่รู้ คือ อวิชชา ถ้าไม่เริ่มรู้ ก็จะมีความไม่รู้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

[12] พึงเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ในขณะนี้ อย่างมั่นคง ไม่ละทิ้งความมั่นคงที่จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ โดยฟัง แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น ขณะที่เข้าใจ ก็ละแล้วซึ่งความไม่รู้

[13] พระธรรม ลึกซึ้งอย่ายิ่ง เป็นไปเพื่อละคลายความไม่รู้และความเห็นผิด และเป็นความจริงที่ว่า ไม่สามารถเข้าใจธรรมได้ภายในเวลาวันสองวัน จากไม่รู้ เป็นรู้ขึ้นก็จะต้องเป็นผู้อดทน จริงใจ และตั้งจิตไว้ชอบในการฟัง ในการศึกษาด้วย ว่า ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อเข้าใจถูกเห็นถูก เท่านั้น

[14] ความรู้ (ปัญญา) ยากกว่าความไม่รู้ ความไม่รู้ ไม่ต้องทำอะไรเลย ก็ไม่รู้

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๒๐ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๐

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
jaturong
วันที่ 6 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
พุทธรักษา
วันที่ 6 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pat_jesty
วันที่ 6 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 6 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nong
วันที่ 6 ธ.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 7 ธ.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
j.jim
วันที่ 7 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 7 ธ.ค. 2554

ไม่ว่าจะพูดหรือทำ ล้วนเป็นไปในอำนาจของจิต ถ้าจิตใจดี มือเท้าก็เป็นไปใน ทางที่เป็นประโยชน์ มีการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น กระทำในสิ่งที่ดีงาม เป็นต้น

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 7 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
aurasa
วันที่ 8 ธ.ค. 2554

ขอบคุณและอนุโมทนา ในกุศลจิต อ.คำปั่นและทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 9 ธ.ค. 2554

พระธรรม ลึกซึ้งอย่ายิ่ง เป็นไปเพื่อละคลายความไม่รู้และความเห็นผิด และเป็นความจริงที่ว่า ไม่สามารถเข้าใจธรรมได้ภายในเวลาวันสองวัน จากไม่รู้ เป็นรู้ขึ้นก็จะต้องเป็นผู้อดทน จริงใจ และตั้งจิตไว้ชอบในการฟัง ในการศึกษาด้วยว่า ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อเข้าใจถูกเห็นถูก เท่านั้น

...ขอบพระคุณ และอนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่าน ด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
raynu.p
วันที่ 12 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
สมศรี
วันที่ 2 ม.ค. 2555

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ผ้าเช็ดธุลี
วันที่ 4 ม.ค. 2555

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ และ อนุโมทนากุศลจิตทุกท่านที่เกิดมีครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
pamali
วันที่ 28 มิ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
kullawat
วันที่ 1 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
เจียมจิต
วันที่ 23 ก.ค. 2560

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
chatchai.k
วันที่ 3 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
มังกรทอง
วันที่ 31 ส.ค. 2565

สิ่งที่ปรากฏ จักเห็น จักได้ยิน จักได้กลิ่น ฯ ว่าเป็นเพียงจิต และเจตสิก ซึ่งล้วนไม่ใช่เรา ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Jarunee.A
วันที่ 5 ธ.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ