ภวังคจิต

 
samroang69
วันที่  30 ม.ค. 2555
หมายเลข  20467
อ่าน  3,120

ขอรับกวนถามท่านผู้รู้ครับ ภวังคจิตกับความฝันเป็นอันเดียวกันหรือไม่ครับ แล้วถ้าไม่ใช่ความฝันจะเป็นอย่างไรครับ จิตที่เข้าสู่ภวังค์เป็นอย่างไร มืดสนิท ไม่มีความฝันหรือครับ แสดงว่าถ้าไม่ใช่ฝันก็เป็นความมืดสนิทเลยใช่ไหมครับในขณะที่หลับอยู่นั้น แล้วความฝันนั้นมีความยินดียินร้ายหรือไม่ครับ ถ้าไม่ใช่ภวังค์จิตจะเรียกว่าอะไรครับ จะเรียกความฝันว่าเป็นสิ่งที่สั่งสมมาใช่หรือไม่ครับ คือผมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้สักเท่าไร

รบกวนตอบให้ด้วยครับ ขอบคุณ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 30 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ภวังคจิต คือ อะไร?

ภวังคจิต คือ จิตที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้ไว้ จนกว่าจะจุติ ในชีวิตประจำวัน มีจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ สลับกับภวังคจิต (ที่เกิดขึ้นโดยไม่อาศัยทวารทั้ง ๖ เลย) เพราะเหตุว่า ปฏิสนธิจิต เกิดแล้วดับแล้ว ตั้งแต่ขณะแรกในภพนี้ชาตินี้

ส่วน จุติจิต ซึ่งเป็นจิตขณะสุดท้ายของภพนี้ชาตินี้ ยังไม่เกิดขึ้น (แต่ต้องเกิดแน่ๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง) ขณะที่เป็นภวังคจิต ที่เห็นได้ชัดคือ ในขณะที่หลับสนิท แต่ถ้าฝันเกิดขึ้น นั่นไม่ใช่ภวังคจิต นั่นไม่ใช่หลับสนิท

ภวังคจิต กับ ขณะที่ฝัน จึงไม่ใช่อย่างเดียวกัน ฝัน คือ การคิดนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเห็น เคยได้ยิน เป็นต้น ขณะที่กำลังฝัน ไม่พ้นไปจากนามธรรม คือ จิตและเจตสิก ที่ฝัน ดังนั้น ขณะที่ฝันต้องไม่ใช่ขณะที่หลับสนิท เพราะถ้าเป็นขณะที่หลับสนิท จิตเป็นภวังค์ ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้ จิตไม่ได้เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางใดทางหนึ่งใน ๖ ทาง จึงไม่ฝัน เพราะในขณะที่ฝัน ต้องเป็นวิถีจิต (จิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางหนึ่งทางใด ใน ๖ ทาง) แต่ไม่ใช่วิถีจิตทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่เป็นวิถีจิตทางใจ เท่านั้น ที่ฝัน เป็นกุศล บ้าง เป็นอกุศล บ้าง ตามการสะสม และที่สำคัญ เพราะยังมีกิเลสอยู่นี่เอง จึงเป็นเหตุให้ฝัน ตามความเป็นจริงแล้ว ในขณะที่ฝัน จิต เจตสิก เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่มีเราที่ฝัน ซึ่งเป็นความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมเท่านั้น ส่วนเรื่องราวที่ฝัน ไม่มีจริง

เพราะฉะนั้น ในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจธรรม ตามความเป็นจริง ไม่เว้นแม้แต่ขณะเดียวของชีวิต เนื่องจากทุกขณะของชีวิต ไม่มีขณะใดเลยที่จะปราศจากธรรม แม้แต่ในขณะที่ฝัน ก็เป็นหนึ่งในสภาพธรรมที่มีจริง ที่ควรศึกษาให้เข้าใจว่า อะไร คือ สิ่งที่มีจริงในขณะนั้น เพื่อละคลายความไม่รู้ ละคลายความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ

ความฝันเกิดจากอะไร ทำไมต้องฝัน

ฝันไม่ดีฝันร้ายครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
samroang69
วันที่ 30 ม.ค. 2555
ขอบคุณและอนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 30 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วิริยะ
วันที่ 30 ม.ค. 2555

เรียนถาม

จิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ ขณะที่หลับสนิท ไม่ได้ฝัน จิตรู้อารมณ์อะไรคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 30 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรียน ความคิดเห็นที่ 4 ครับ

จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรมที่รู้อารมณ์ (เมื่อจิตเกิดขึ้น ย่อมจะมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยตามสมควรแก่จิตประเภทนั้นๆ ทั้งจิตและเจตสิก ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นก็ย่อมรู้อารมณ์เดียวกัน) ไม่ว่าจะเป็นจิตประเภทใด เมื่อเกิดขึ้น ย่อมรู้แจ้งอารมณ์ ทั้งนั้น ไม่มีจิตที่เกิดขึ้นโดยไม่มีอารมณ์ แม้แต่ในขณะที่หลับสนิท จิตเป็นภวังค์ ก็รู้อารมณ์เหมือนกัน แต่ไม่ใช่อารมณ์ของโลกนี้ ในขณะที่หลับสนิท ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่ได้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่ได้คิดนึก แต่รู้อารมณ์ ภวังคจิตในชาตินี้ย่อมรู้อารมณ์เดียวกันกับอารมณ์ของชวนจิตสุดท้ายก่อนจะจุติในชาติก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมากครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเิติมได้ที่นี่ครับ

อะไรคืออารมณ์ของภวังคจิต

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วิริยะ
วันที่ 30 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pat_jesty
วันที่ 30 ม.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 31 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผิน
วันที่ 31 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ