อาศัยพระศาสดา
ขณะนี้กำลังฟังพระธรรม กำลังพึ่งพระศาสดาอยู่หรือเปล่า พระองค์ทรงแสดงธรรมตลอด ๔๕ พรรษาก็เพื่อให้เข้าใจความจริงของธรรมที่กำลังมีอยู่ในขณะนี้ แม้กำลังปรากฏอยู่แท้ๆ แต่ความไม่รู้ก็ปิดบังไว้ พระธรรม นั้นละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ได้ แต่ผู้ศึกษาพิจารณาด้วยความรอบคอบ ก็สามารถจะเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏได้ โดยไม่ใช่อาศัยบุคคลอื่น แต่อาศัยพระศาสดา
เรามาฟังพระธรรมอยู่ขณะนี้ ดูเหมือนกำลังพึ่งท่านอาจารย์ พึ่งท่านวิทยากร แท้จริงแล้วก็คือ พึ่งพระศาสดา เพราะว่าท่านอาจารย์กำลังบรรยายพระธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงไว้ ไม่ใช่บุคคลอื่นแสดง ขณะนี้กำลังฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ทรงแสดงไว้ ... การได้คบกัลยาณมิตรอย่างท่านอาจารย์นั้น ขณะนั้นกำลังคบหาพระธรรม .... การได้นั่งใกล้ท่านอาจารย์ ได้ฟังพระธรรมที่ท่านบรรยายทำให้ค่อยๆ เข้าใจพระธรรมขึ้นทีละน้อยๆ ... นั่นก็คือเรากำลังอาศัยพระศาสดา กำลังฟังพระธรรมที่ตรัสรู้โดยพระศาสดาโดยแท้
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งค่ะ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แสดงจากสาวก หรือ ใครก็ตามจะมีไม่ได้เลย หากไม่มีการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าใกล้ปรินิพพาน ได้ตรัสกับท่านพระอานนท์ว่า พระธรรมที่เราแสดงไว้ จะเป็นศาสดาแทนพระองค์ ดังนั้นเมื่อได้ฟังธรรมจากใครที่แสดงตรงตามพระไตรปิฎก ขณะนั้นก็เหมือนการได้รับฟังพระดำรัสต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้า ขณะที่เข้าใจพระธรรม ชื่อว่า ได้อาศัย มีพระศาสดาเป็นที่พึ่ง พึ่งเพราะเกิดความเข้าใจพระธรรม แม้พระองค์จะปรินนิพพานแล้ว ก็ชื่อว่าอยู่ใกล้พระองค์ รำลึกนึกถึงพระองค์และได้อาศัยพระองค์ มีพระองค์เป็นที่พึ่งอาศัย ขณะที่เข้าใจพระธรรม ครับ
ดังนั้น หากเราได้ฟังพระสูตรที่ว่า พึงเข้าไปหาสัตบุรุษ มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น พึงคบสัตบุรุษ รับฟังธรรมจากสัตบุรุษ มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น แต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว แต่พระธรรมของพระพุทธเจ้านั่นแหละเป็นศาสดา แทนพระองค์ ขณะใดเกิดศรัทธาเข้าไปหา คือ ตั้งใจฟังพระธรรม ก็ชื่อว่าเข้าไป เข้าไปนั่งใกล้พระศาสดาแล้ว และเมื่อเข้าใกล้ด้วยใจ ก็เงี่ยโสตลงสดับฟัง และพิจารณาพระธรรม ขณะที่เข้าใจ ขณะนั้นมีพระศาสดาเป็นที่พึ่ง ไม่ได้มีคนอื่นเป็นที่พึ่ง และก็พึ่งพระศาสดา คือ พึ่งพระพุทธเจ้า ด้วยพระธรรมที่พระองค์แสดง และมีที่พึ่ง คือ ปัญญาของตนเอง เป็นที่พึ่งอันประเสริฐสุด
ขออนุโมทนาพี่เมตตาและทุกท่าน ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กำลังอาศัยพระศาสดาหรือเปล่า แม้ในขณะที่กำลังฟังพระธรรมและเข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง อาศัยพระศาสดาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบรมศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระองค์ทรงแสดงความจริง เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง จากเป็นผู้ที่มากไปด้วยอกุศล มากไปด้วยกิเลสประการต่างๆ ที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ก็เป็นผู้มีความเข้าใจขึ้น ขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น จนกระทั้งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นจนกระทั่งดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะได้อาศัยพระศาสดา คือ อาศัยพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ซึ่งจะเห็นได้ว่า พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั้น อุปการะเกื้อกูลให้ผู้ฟังผู้ศึกษามีความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเอง ผู้ที่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง จึงอาศัยพระศาสดา ด้วยการคบหากับพระธรรม กล่าวคือ ฟังพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบจริงใจ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ และก็ย่อมจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการได้เข้าไปอาศัยพระศาสดา ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคล การฟังแต่ละครั้งย่อมไม่ไร้ผล มีแต่จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งปัญญาไปตามลำดับจริงๆ ครับ
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า พระธรรมและคำสอนเป็นศาสดาแทนพระองค์ ผู้สอนธรรมะเปรียบเหมือนผู้อ่านสาส์นของพระราชา และ เป็นบุญของพวกเราที่ได้เข้ามานั่งใกล้ธรรม คือการได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ได้มีโอกาสสะสมปัญญาต่อไปในภพหน้า ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริง เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจถูกมีความเห็นถูก จากที่เป็นผู้มีอกุศล มีกิเลสนานาประการที่ได้สะสมมามากมายในสังสารวัฏฏ์ เมื่อได้ฟังคำจริงที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ด้วยความเคารพ พิจารณาไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วนทุกคำที่ได้ยินได้ฟัง จนกว่าจะเข้าใจขึ้น เข้าใจยิ่งขึ้นเป็นปัญญาของตน
ขณะใดที่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ว่าเป็น "ธรรมะ" ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นธรรมะแต่ละหนึ่ง เกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็ว ตามเหตุตามปัจจัย แล้วไม่กลับมาอีกเลย ขณะนั้นได้ชื่อว่า เข้าใกล้พระศาสดา มีพระศาสดาเป็นที่พึ่ง ไม่ได้มีบุคคลอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีปัญญาอันเกิดจากการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกจากการฟัง จนเป็นที่พึ่งอันประเสริฐยิ่ง
เพราะฉะนั้น ผู้เห็นคุณค่าและประโยชน์จากการฟังคำจริง ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว ย่อมคบหากับพระธรรม เพื่ออบรมเจริญปัญญาจนสามารถขัดเกลากิเลสให้บรรรเทาลงตามกำลังของปัญญาของตน
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ