การพิจารณารูปที่ติดข้องอยู่ในชีวิตประจำวันโดยความเป็นธรรม [ปฐมสุขสูตร]
การพิจารณารูปที่ติดข้องอยู่ในชีวิตประจำวันโดยความเป็นธรรม
ขณะนี้มีตัวตน หรือ ตัวเราเองจริงหรือไม่ เสมือนมีตัวตน คือ ตัวเราเองนี้อยู่จริงๆ แต่จริงๆ แล้วไม่มีจริง แล้วจริงๆ มีอะไร ก็คือมีเห็น มีสิ่งที่ปรากฏ มีคิด มีแข็ง มีสภาพรู้แข็ง เป็นต้น มีธรรมทีละ ๑ อย่าง ซึ่งไม่ได้ปะปนกันเลย ซึ่งสามารถค่อยๆ ไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจขึ้นได้
อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากปฐมสุข สูตร..ข้อความเตือนสติเรื่องปฐมสุขสูตร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การพิจารณา รูปที่ติดข้องในชีวิตประจำวัน การพิจารณา พิจารณาด้วยปัญญา เมื่อสติและสัมปชัญญะเกิดขึ้น ขณะรู้ลักษณะของรูปที่กำลังปรากฎทางตา หู จมูก ลิ้น กาย โดยไม่มีตัวตนที่จะเลือกพิจารณาสภาพธรรมใด และไม่มีตัวตนที่จะทำให้สติ และปัญญาเกิด แล้วแต่ว่า สติจะเกิด หรือ ไม่ การเจริญสติปัฏฐาน จึงเป็นเรื่องของปกติในชีวิตประจำวัน คือ รู้ความจริง ของ รูป และ นามที่กำลังมีในขณะนี้ ซึ่ง เหตุให้เกิด สติ และปัญญา ก็คือ การฟังพรธรรม ศึกษาพระธรรม ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตวิริยะของคุณวิทวัตกับทีมงานและทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ จะขอย้ำสิ่งที่สำคัญเพิ่มเติม
สำคัญ คือ ไม่ใช่มีตัวตนที่คิดพิจารณาเพื่อให้สติเกิด เช่น ต้องคิด ต้องทำอย่างนี้ นั่น ไม่ใช่ทางที่ถูก เพราะตัณหานั้น ติดข้องแสวงหาวิธีการอยู่ คือ ตกเป็นทาสของตัณหา โดยที่ไม่รู้ตัว คิดว่าเข้าใจถูกโดยที่ไม่มีความเข้าใจ นั้นด้วยการลูบคลำอยู่ในข้อปฏิบัติที่ผิด ที่ไม่ใช่ความเข้าใจ แต่ความเข้าใจที่เกิดขึ้นจาก การฟังนั้นเองที่สามารถไตร่ตรองความละเอียดยิ่งขึ้นได้ ซึ่งธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด
เพราะฉะนั้น ความจริงที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจที่คิดนึกอยู่ตลอดเวลานั้น ผู้ที่ไม่ละเอียด ก็เป็นอกุศลจิต เช่น เป็นเราที่คิดนึกแล้ว เป็นต้น แล้วคิดนั้นก็หมดไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ห้าม ไม่ให้ความคิดอย่างนั้นเกิดขึ้น แต่เป็นความเข้าใจความจริงที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง เป็นธรรมที่ระลึกความจริงที่เกิดขึ้นเอง เมื่อความเข้าใจจากการฟังนั้นละเอียดยิ่งขึ้นแล้ว ซึี่งเป็นปรกติ
เพราะฉะนั้น ก็ต้องอาศัยการฟังที่ไม่ขาดเพื่อที่จะเข้าใจความจริงที่มีบ่อยๆ เพราะชีวิตประจำวัน ปรกติตกเป็นทาสของตัณหาเป็นอกุศลเป็นส่วนมาก
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ทุกอย่างที่ไม่ดีเกิดจากความประมาททั้งหมด" ไม่ประมาทคือ ฟังแล้ว ฟังอีก ว่าขณะนี้เป็นธรรม ละความไม่เข้าใจ ที่มีแต่ชื่อปิดบังไว้ เข้าใจมั่นคงขึ้นด้วยความละเอียด พิจารณารู้ความจริงของธรรม ซึ่งเกิดดับหลากหลาย ทุกนัย ทั้งขันธ์ ธาตุ อายตนะ โดยประการทั้งปวง เมื่อปัญญามีกำลัง จึงสามารถละเยื่อใยความติดข้องได้ "เพราะความประมาท คือ ฟังว่ามีจิต มีเจตสิก แต่ไม่รู้ว่ามี"
ขออนุโมทนาในกุศลจิตวิริยะของคุณวิทวัตกับทีมงานและทุกๆ ท่านครับ...