อนัตตาไม่ใช่ไม่มีอะไร
อนัตตา มีความหมายว่าไม่เป็นไปตามอำนาจ สูญจากสัตว์ บุคคล ตัวตน สิ่งนั้นมี เกิดแล้วก็ดับไป สูญ คือว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน ธรรมคือสิ่งที่มีจริงเห็นมีจริง ขณะนี้มีเรานั่งอยู่ มีเห็น เห็นเป็นเห็นไม่ใช่เรา เห็นเป็นธาตุรู้เกิดขึ้นทำกิจทำหน้าที่ ไม่ว่าเห็นเกิดที่ไหน ในน้ำ ในอากาศ เห็นก็เป็นเห็นเป็นสิ่งที่มีจริงไม่ใช่สัตว์ บุคคล เทวดา หรือเราเห็น ขณะนี้เห็นมีจริงๆ เกิดแล้วดับไป ตามเหตุปัจจัยอนัตตาจึงไม่ใช่ไม่มีอะไร มีความหมายเดียวกับสุญญตา เดี๋ยวนี้มีอะไรจริง สัตว์ บุคคล ตัวตนก็ไม่มีจริง ฟังสิ่งซึ่งไม่เคยฟังมาก่อนเพื่อประโยชน์ให้มีความเห็นถูก เข้าใจถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ... ไม่เป็นไปตามอำนาจบังคับบัญชาของใครได้เป็น อนัตตา
ก่อนที่จะได้ฟังพระธรรมก็มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีทุกสิ่งทุกอย่าง
หลังฟังธรรมก็ยังมีสัตว์ บุคคล ตัวตน ... แต่เข้าใจขึ้นหรือเปล่า
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งค่ะ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำสอนเรื่องของ อนัตตา มีเฉพาะในคำสอนทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น แสดงถึง ความเป็นจริงของสภาพธรรมที่หาความเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนไม่ได้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นพระบรมศาสดา ทรงตรัสรู้สภาพธรรมที่มีจริงทุกอย่างทุกประการแล้วทรงแสดงความจริงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง เพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง จากที่ไม่เคยรู้ เคยถูกปิดบังด้วยความมืดคืออวิชชา ทำให้ ไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็จะค่อยๆ เข้าใจถูกไปตามลำดับ ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงตามกำลังปัญญญาของแต่ละบุคคล จากการฟังพระธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้บรรยาย จะมีอยู่คำถาม ที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวเพื่อทบทวนย้ำเตือนให้ผู้ฟังผู้ศึกษาไม่ลืมความเป็นจริงของสภาพธรรม คือ "เมื่อไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แล้วเป็นอะไร?" [เมื่อไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ก็เป็นธรรม เป็นแต่เพียงธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น โดยไม่ปะปนกัน]
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านด้วยครับ