บัวสี่เหล่า
บุคคล ๔ จำพวก
เปรียบเหมือนดอกบัว ๔ เหล่า
คือ
๑. อุคฆฏิตัญญูบุคคล - บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยฟังเพียงการยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดงเท่านั้น
๒. วิปัญจิตัญญูบุคคล - บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยต้องอาศัยการขยายความแห่งหัวข้อธรรมโดยละเอียด (โดยพิสดาร)
๓. เนยยบุคคล - บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมโดยอาศัยการฟัง การศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ ทั้งโดยหัวข้อและโดยการขยายความให้ละเอียดจากกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา มีการสอบถาม มีการไตร่ตรอง พิจารณาโดยแยบคาย
๔. ปทปรมบุคคล บุคคลผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้นได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น
จากการอ่านกระทู้นี้นะคะ
//dhammahome.com/webboard/topic/15918
ขอกราบเรียนสอบถามทบทวนเพื่อความเข้าใจนะคะ
๑. ปทปรมบุคคล หมายถึงผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ ศึกษามาถูกทางแล้ว แต่ปัญญายังไม่ถึงพร้อมที่จะบรรลุในชาตินั้นๆ ใช่มั้ยคะ แล้วที่บางแห่งบอกว่าปทปรมบุคคลเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็ไม่เป็นความจริงใช่มั้ยคะ เพราะเหตุว่ามีการเริ่มต้นที่ถูกทางแล้ว
๒. เคยได้อ่านจากไหนสักที่ เค้าบอกว่ายุคหลังพุทธกาลนี้ไม่มีอุคฆฏิตัญญูบุคคลอีกแล้ว (ฟังธรรมแค่ประโยคสั้นๆ ก็บรรลุ) จึงอยากเรียนถามว่าพอจะมีหลักฐานแสดงไว้ในคัมภีร์ไหนมั่งคะ ว่ายุคนี้ไม่เหลือบุคคลประเภทนี้แล้ว และอยากทราบว่ายุคนี้เหลือบุคคลระดับใดบ้าง
๓. ผู้ที่ไม่สนใจศึกษาธรรมหรือมีความเห็นผิดที่ดิ่งจมในข้อปฏิบัติที่ผิดหรือคำสอนที่ผิด จัดเป็นบุคคลประเภทไหนคะ เพราะปทปรมบุคคลก็ยังสูงไป
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
1. ปทปรมบุคคล หมายถึงผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ ศึกษามาถูกทางแล้ว แต่ปัญญายังไม่ถึงพร้อม ที่จะบรรลุในชาตินั้นๆ ใช่มั้ยคะ
แล้วที่บางแห่งบอกว่าปทปรมบุคคลเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็ไม่ เป็นความจริงใช่มั้ยคะ เพราะเหตุว่ามีการเริ่มต้นที่ถูกทางแล้ว ปทปรมบุคคล บุคคลผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง คือ ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้น ได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น จะเห็นนะครับว่า มีคำว่า ผู้มีบทอันยิ่ง คือ มีการอบรมปัญญาอย่างยิ่งด้วย เพียงแต่ ว่าชาตินั้นไม่สามารถบรรลุได้ เพราะ คุณธรรม หรือ อินทรีย์ยังไม่แก่กล้า แสดงว่า ปทปรมบุคคล จะต้องหมายถึง ผู้ที่อบรมปัญญา มีความเห็นถูกสะสมมาแล้ว ตามที่ ผู้ถามได้เข้าใจ ถูกต้องแล้วครับ ไม่เช่นนั้น ก็จะไม่ถึงการบรรลุในชาติต่อๆ ไปได้เลย ผู้ที่ไม่ได้สะสมปัญญา มีความเห็นผิดมา ย่อมไม่ใช่ ปทปรมบุคคล ไม่ใช่ผู้ที่มีบทอันยิ่ง บท คือ การศึกษาพระธรรม สะสมความเห็นถูกอันยิ่ง ครับ
2. เคยได้อ่านจากไหนสักที่ เค้าบอกว่ายุคหลังพุทธกาลนี้ไม่มีอุคฆฏิตัญญูบุคคลอีก แล้ว (ฟังธรรมแค่ประโยคสั้นๆ ก็บรรลุ) จึงอยากเรียนถามว่าพอจะมีหลักฐานแสดงไว้ ในคัมภีร์ไหนมั่งคะ ว่ายุคนี้ไม่เหลือบุคคลประเภทนี้แล้ว และอยากทราบว่ายุคนี้เหลือ บุคคลระดับใดบ้าง
อุคฆฏิตัญญูบุคคล คือ ผู้ที่มีปัญญามาก ฟังเพียงหัวข้อสั้นๆ ก็บรรลุทันที ยุคสมัยนี้ ไม่ใช่กาลสมัยที่จะมีผุ็มีปัญญามากเช่นนั้น ยุคนี้ สมัยนี้โดยมาก จึงเป็น เนยบุคคล คือ จะต้องฟังมาก และ ศึกษามากๆ จึงจะบรรลุได้ รวมถึง เป็นปทปรมบุคคล คือ ต้อง ศึกษา ฟังมาก แต่ไม่สามารถบรรลุในชาตินี้ แต่สะสมเป็นอุปนิสัยให้บรรลุในชาติ ต่อๆ ไป ครับ ซึ่ง ยุคปัจจุบัน สูงสุดได้ เพียงพระอนาคามี และไม่ได้ฌานด้วย ครั บ ดังนั้น จึงไม่ใช่ ยุคสมัยของการมี อุคฆฏิตัญญูบุคคล และ วิปัญจิตัญญู มีเพียง แต่ เนยบุคคล และ ปทปรมบุคคล ครับ ในยุคสมัยนี้
3. ผู้ที่ไม่สนใจศึกษาธรรมหรือมีความเห็นผิดที่ดิ่งจมในข้อปฏิบัติที่ผิดหรือคำสอนที่ผิด จัดเป็นบุคคลประเภทไหนคะ เพราะปทปรมบุคคลก็ยังสูงไป
ก็ไม่จัดใน บุคคล 4 จำพวกนี้เลย เพราะ บุคคล 4 จำพวก กล่าวถึง สามารถบรรลุได้ เช่น ปทปรม บรรลุได้ แต่ไม่ใช่ในชาตินั้นและอบรมปัญญามาแล้ว ครับ แต่ พวกทีเ่ห็น ผิดดิ่ง ก็ไม่จัดเข้าใน 4 จำพวกนี้ จึงไม่ควรกล่าวถึง ครับ เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า ต้องวน เวียนในสังสารวัฏฏ์ เป็นตอวัฏฏะ ไม่ต้องกล่าวถึงการบรรลุธรรมเลย ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านที่นี่ >>
• ดอกบัว ๔ เหล่า [อรรถกถามหาปทานสูตร]
• ปทปรมะ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุคคลทั้ง ๔ ประเภทที่เปรียบเหมือนดอกบัว ๔ เหล่า นั้น ล้วนเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์ จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคล ๓ บุคคลแรก เป็นผู้ที่ตรัสรู้ในชาตินั้น แต่บุคคลประเภทสุดท้าย คือ ปทปรมะ ยังไม่สามารถรู้แจ้ง อริยสัจจธรรมในชาตินั้น บุคคลที่เป็นปทปรมะ ก็ต้องเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ได้สะ สมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีให้กับตนเอง ที่จะเป็นที่พึ่งต่อไป ในภายหน้่า ถ้าไม่ได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก จะไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึง ความเป็นพระอริยบุคคล ในภายหน้าได้เลย จะเห็นได้ว่า พระธรรมที่พระอรหันตสัมมา สัมพุทธเ้จ้าทรงแสดงนั้น ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแ่ก่สัตว์โลก ทั้งนั้น แต่ก็ ต้องจำกัดเฉพาะผู้ที่เห็นประโยชน์ สะสมศรัทธาที่จะได้ฟังพระธรรมสะสมความเข้าใจ ถูกเห็นถูกเท่านั้นจริงๆ บุคคลที่ได้ฟังพระธรรม มีเป็นส่วนน้อย เท่านั้นจริงๆ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...