สภาพธรรมะต่างๆ เป็นสติปัฏฐาน

 
Nareopak
วันที่  30 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21317
อ่าน  1,603

สภาพธรรมะต่างๆ เป็นสติปัฏฐาน

คำว่า สติปัฏฐาน คืออย่างไรคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สติปัฏฐาน มีหลายความหมาย โดยทั่วไปแล้ว เราจะเข้าใจว่า สติปัฏฐาน คือ ตัว สติ และ ปัญญาที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ดังนั้น จะมุ่งหมายถึง ตัว สติเจตสิก ที่เป็นสภาพธรรมที่ระลึก เป็นสติปัฏฐาน แต่ สติปัฏฐาน นั้น มีหลากหลายนัย อธิบาย โดย ๓ นัย ดังนี้ ครับ

๑. ตัวสติ เป็นสติปัฏฐาน

๒. การที่พระพุทธเจ้า ไม่ยินดี ยินร้าย เมื่อสาวก ปฏิบัติผิด หรือ ถูก เป็นสติปัฏฐาน

๓. อารมณ์ของสติปัฏฐาน ชื่อว่า สติปัฏฐาน

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...

ความหมายสติปัฏฐาน ๓

ดังนั้น โดยนัยที่ ๓ ที่ว่า อารมณ์ของสติปัฏฐาน ชื่อว่า สติปัฏฐาน คือ สภาพธรรมทั้งหลายที่มีจริงที่เป็น จิต เจตสิก รูป หรือ จะกล่าวได้ว่า ธรรมต่างๆ ดังที่ผู้ถาม และ ท่านอาจารย์กล่าวไว้ เป็นสติปัฏฐาน เพราะ เป็นที่ตั้ง หรือ เป็นอารมณ์ให้สติระลึกรู้ และ ให้ปัญญารู้ความจริง ครับ

หากไม่มีสภาพธรรม ก็ไม่มี สติปัฏฐาน คือไม่มีสติปัฏฐานเกิดได้เลย เพราะ ไม่มีสภาพธรรมให้สติระลึกรู้ ครับ เพราะฉะนั้น สิ่งใดที่มีจริง ที่เป็นจิต เจตสิก รูป เป็นธรรมต่างๆ ที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวัน เป็นสติปัฏฐาน โดยนัยที่เป็นอารมณ์ของสติ แต่ไม่ได้หมายถึงธรรมต่างๆ จะเป็น ตัวสติ ที่เป็นสติเจตสิก ครับ

อกุศล เป็นธรรมที่มีจริง เป็นอารมณ์ คือ สติปัฏฐาน เกิดระลึกรู้ได้ว่า อกุศลเป็นธรรมไม่ใช่เรา อกุศล ก็ชื่อว่าเป็นธรรมต่างๆ และ อกุศลก็เป็นสติปัฏฐาน โดยนัยที่เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐาน

เห็น ได้ยิน คิดนึก ที่เป็นจิต ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เป็นธรรมต่างๆ ที่เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐานได้ ธรรมต่างๆ ที่มีในชีวิตประจำวัน จึงเป็นสติปัฏฐาน โดยนัยที่เป็นที่ตั้งอารมณ์ของสติปัฏฐาน ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 1 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ นั่นเอง ที่จะเป็นที่ตั้งให้สติเกิดขึ้นระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และปัญญารู้ตามความเป็นจริง (สติปัฏฐาน) เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยจริงๆ ไม่ใช่เรื่องหวัง ไม่ใช่เรื่องต้องการ ไม่ใช่เรื่องของความจดจ้อง ไม่ใช่เรื่องของการไปกระทำอะไรด้วยความเป็นตัวตน ด้วยความเห็นผิด และ ด้วยความไม่รู้ แต่เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาไปตามลำดับ

เรื่องเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่องของปัญญา ที่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สติเกิดขึ้นระลึกและปัญญารู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องอาศัยการฟังในสิ่งที่มีจริงเนืองๆ บ่อยๆ พิจารณาเหตุผลแล้วก็เจริญเหตุให้สมควรแก่ผลด้วย

ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง มีจริงในขณะนี้ หนทางที่จะเป็นไปเพื่อการรู้ธรรมตามความเป็นจริง ก็มีจริง แต่ต้องเป็นหนทางแห่งปัญญา เพราะฉะนั้น ก็ต้องกลับมาที่ฟังพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ แม้ว่าจะมีสภาพธรรมที่มีจริง ก็ไม่สามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้เลย ย่อมไม่มีเหตุ ที่สติปัฏฐานเกิดขึ้นได้เลย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 1 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"สภาพธรรมใดมีปรากฏจึงเป็นสติปัฏฐาน"

"ถ้าสภาพธรรมใดแม้มีแต่ไม่ปรากฏ ก็ไม่ใช่สติปัฐาน"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Nareopak
วันที่ 1 ก.ค. 2555

พอดีวันนี้ไปฟังธรรมที่มูลนิธิฯ ท่านอาจารย์ได้บรรยายถึงเรื่องสติปัฏฐาน บวกกับคำตอบของทั้ง ๒ ท่านด้วย ก็เลยเข้าใจมากขึ้นค่ะ

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์สุจินต์

และขออนุโมทนาในคำตอบของคุณ Paderm และ อ.khampan.a ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
lokiya
วันที่ 27 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 27 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ