ปฏิจจสมุปบาท

 
อรรถวาที
วันที่  4 ก.ค. 2555
หมายเลข  21350
อ่าน  1,945

คำว่าปฏิจจสมุปบาท มันคืออะไรครับ ได้ยินแต่พระท่านเทศน์ แต่ผมก็ไม่รู้ความหมายสักที

และอยากทราบว่า จิตของคนมีกี่ระดับครับ แล้วจิตที่สมบูรณ์นั้นควรเป็นอย่างไร

สัตว์โลกมีอะไรห่อหุ้มไว้ครับ พระสูตรอะไรที่มีการกล่าวถึงมากที่สุดครับ

ปัญหาที่ว่า สตานุสารีวิญญาณ มันคืออะไรครับ

และสุดท้ายครับ ชีวิตคืออะไร ทำไมถึงเรียกว่าชีวิตครับ ทำไมต้องดิ้นรน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่าปฏิจจสมุปบาท มันคืออะไรครับ ได้ยินแต่พระท่านเทศน์ แต่ผมก็ไม่รู้ความหมายสักที่

- ปฏิจจสมุปบาท คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นด้วยดี คือ เป็นไปตามลำดับโดยอาศัยปัจจัย หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นเหตุเป็นผลที่ทำให้เกิดสังสารวัฏฏ์ เป็นการแสดงเรื่องของปัจจัย (เหตุ) และ ปัจจยุบบัน (ผล)


และอยากทราบว่าจิตของคนมีกี่ระดับครับ

- จิต ไม่ใช่ของคน หรือ ของใคร ครับ แต่ จิตเป็นแต่เพียงสภาพธรรม ที่เป็นสภาพรู้ เป็นใหญ่ในการู้ จิตมีหลายระดับ มี ๔ ระดับ คือ

กามาวจรจิต รูปาวจรจิต อรูปาวจรจิต โลกุตตรจิต

กามาวจรจิต คือ จิต โดยท่องเที่ยวอยู่ในกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จึงเป็นจิตขั้นกาม เป็นกามาวจรจิต

รูปาวจรจิต คือ จิตที่เข้าถึงความเป็นใหญ่ เป็นฌานจิต เป็นจิตระดับที่สูงกว่ากามาวจรจิต เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มหัคคตจิต

รูป ในที่นี้หมายถึงอารมณ์ที่เป็น รูปกสิณ เป็นต้น ที่แตกต่างจากอารมณ์ของ อรูปาวจรจิต ไม่ใช่รูป (รูปารมณ์)

อรูปาวจรฌานจิต คือ ปัญจฌานจิต ที่ไม่มีรูปกรรมฐานเป็นอารมณ์ เพราะเห็นว่าเมื่อยังมีรูปกรรมฐาน เป็นอารมณ์อยู่ ก็ยังใกล้ชิดต่อการที่จะมีกามเป็นอารมณ์ เมื่อบรรลุรูปปัญจมฌานแล้ว ก็เพิกรูปกสิณที่เป็นอารมณ์ โดยน้อมระลึกถึงสภาพที่ไม่มีรูปนิมิต และมีอารมณ์ไม่มีที่สุด

โลกุตตรจิต คือ จิตที่มีนิพพานเป็นอารมณ์โดยดับกิเลส หรือ มีนิพพานเป็นอารมณ์ โดยดับกิเลสแล้ว

เชิญคลิกฟังที่นี่ครับ ...

ระดับขั้นของจิต ๔ ระดับ


แล้วจิตที่สมบูรณ์นั้นควรเป็นอย่างไร

- จิตสมบูรณ์มีหลายหลายนัยมากมาย ซึ่ง ตัวจิตเอง ไม่สามารถทำให้สมบูรณ์ แต่ เพราะอาศัยสภาพธรรมที่เป็นปัจจัยของกันและกันเกิดขึ้น นั่นคือ เจตสิก จิตจึงเกิดขึ้นได้ เพราะอาศัยเจตสิก จึงเกิดขึ้น ครับ

จิตจะสมบูรณ์จะต้องสมบูรณ์ไปในทางที่ดี

ดังนั้น ผู้ที่ถึงความสมบูรณ์ บริบูรณ์ของจิต จึงมีหลายระดับ ตั้งแต่ ผู้ที่สมบูรณ์ด้วยจิตที่ประกอบด้วยกุศลธรรมที่ได้ฌาน ก็ชื่อว่า จิตที่สมบูรณ์ ด้วยเจตสิกฝ่ายดีในขั้นสมถภาวนา จิตที่สมบูรณ์ ในขณะที่ สติปัฏฐานเกิดรู้ความจริง ขณะนั้น จิตสมบูรณ์ด้วยสติและปัญญาที่เป็นขั้นวิปัสสนาเกิด และ จิตที่สมบูรณ์สูงสุด คือ จิตที่ปราศจากกิเลส ด้วยการละกิเลสจนหมดสิ้น ชื่อว่า สมบูรณ์เพราะ ไม่มีกิเลสที่ไม่ทำให้สมบูรณ์ แต่ สมบูรณ์ด้วยคุณธรรม ความดี อันเกิดจากการดับกิเลสจนหมดสิ้น ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 5 ก.ค. 2555

สัตว์โลกมีอะไรห่อหุ้มไว้ครับ พระสูตรอะไรที่มีการกล่าวถึงมากที่สุดครับ

- โลก หรือ สัตว์โลก ถูกอวิชชา หุ้มห่อไว้ ปิดไว้ไม่ให้รู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งอยู่ในพระสูตร ชื่อว่า อชิตมาณวกปัญหานิทเทส

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

โลกอะไรหุ้มห่อไว้ [อชิตมาณวกปัญหานิทเทส]


ปัญหาที่ว่า สตานุสารีวิญญาณ มันคืออะไรครับ

- คำว่า สตานุสารีวิญญาณ ไม่มีในพระไตรปิฎก มีแต่คำว่า สตานุสารีญาณ ปรากฏในพระสูตรชื่อ ปาสาทิกสูตร อยู่ในพระไตรปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค พระพุทธดำรัส ว่า

[๑๑๘] ... ดูก่อนจุนทะ สตานุสาริญาณ ปรารภกาลนานที่เป็นอดีต ย่อมมีแก่ตถาคต ย่อมระลึกได้ตลอดกาล มีประมาณเท่าที่ตนหวัง และญาณอันเกิดแต่ความตรัสรู้ ย่อมเกิดขึ้นแก่ตถาคต เพราะปรารภกาลนานที่เป็นอนาคตว่า ชาตินี้มีในที่สุด บัดนี้ภพใหม่ ย่อมไม่มี ดังนี้.

ในอรรถกถา ท่านอธิบายความของคำว่า สตานุสารีญาณ ว่า

[ บทว่า สตานุสารี ได้แก่ญาณอันสัมปยุตด้วยปุพเพนิวาสานุสสติญาณ.]

สรุปว่า คำว่าสตานุสารีญาณ คือญาณ หรือ ปัญญาที่สามารถรู้อดีตได้และอนาคต คือ ปัญญาที่สามารถระลึกชาติได้นั่นเอง โดยสัมปยุต คือ พร้อมกับอำนาจแห่งปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ญาณระลึกชาติ)


ชีวิตคืออะไร ทำไมถึงเรียกว่าชีวิตครับ

- ชีวิต คือ จิต เจตสิก รูปที่เกิดขึ้นทำหน้าที่เกิดขึ้นและดับไป เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าชีวิตเกิดขึ้นแต่ละขณะ เพราะอาศัย จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้นแต่ละขณะ ครับ หากไม่มีจิต เจตสิก รูปในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ก็ไม่สามารถบัญญัติว่าเป็นสิ่งที่มีชีวิต

เชิญคลิกฟังที่นี่ครับ ...

ชีวิตดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียว

ที่เรียกว่า ชีวิต เพราะ เป็นสิ่งที่เกิดจากกรรมเป็นปัจจัย เพราะ อาศัยกรรมทำให้เกิดขึ้น ปฏิสนธิเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ เดรัจฉาน จึงเรียกว่า ชีวิต เพราะ อาศัยกรรมทำให้เกิด จิต เจตสิก รูป ส่วน ต้นไม้ ไม่เรียกว่า ชีวิตและไม่มีชีวิต เพราะ ไม่ได้อาศัยกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดขึ้น ครับ

ดังนั้น ที่เรียกว่า ชีวิต เพราะ เป็นความเป็นไปของจิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้น อันอาศัยกรรม เป็นปัจจัยให้เกิดขึ้นเป็นสำคัญ ครับ

เชิญคลิฟังที่นี่ครับ ...

เกิดเพราะกรรมจึงชื่อว่ามีชีวิต

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 5 ก.ค. 2555

ทำไมต้องดิ้นรน

- ในความเป็นจริง ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่ธรรม เพราะฉะนั้น ไม่มีใครที่ดิ้นรน แต่ สมมติขึ้นว่าดิ้นรน เพราะอกุศลที่เกิดขึ้นทำให้ดิ้นรน แสวงหา ด้วยตัณหา เพราะ มีโลภะ ความติดข้อง จึงเป็นผู้ดิ้นรน ตามกิเลส ดิ้นรน แสวงหา ทรัพย์สิน เงินทอง ลาภ สักการะ ชื่อเสียง ด้วยโลภะ ตัณหา ดิ้นรนด้วยกิเลสประการต่างๆ ด้วย โทสะ มานะ ทิฏฐิ ความเห็นผิด เพราะ เมื่อมีอกุศลเกิดขึ้นแล้วในจิตใจที่มีกำลัง ย่อมแสดงออกทางกาย วาจา อันเป็นการแสดงถึงความดิ้นรนทางกาย วาจาออกมา หากแต่เพียงว่า แม้เพียงอกุศที่เกิดขึ้นในจิตใจ ดิ้นรนแล้ว ดิ้นรนด้วยอกุศล ดิ้นรนเพราะความไม่สงบแห่งจิต

เพราะฉะนั้น ความดิ้นรน จึงเป็นชื่อแห่งสภาพธรรมที่เป็นกิเลส อกุศลเกิดขึ้นในจิตใจนั่นเอง ครับ ผู้ที่ไม่ดิ้นรน คือ ผู้ที่ไม่กิเลส คือ พระอรหันต์ ผู้ไม่ดิ้นรนแล้วด้วยอำนาจตัณหา โลภะ และกิเลสประการต่างๆ เพราะฉะนั้น ที่ดิ้นรน เพราะยังมีกิเลสอยู่ และยังมีเหตุปัจจัยให้กิเลสเกิดขึ้น ทำให้ดิ้นรนเป็นไปตามกิเลสที่เกิดขึ้น

หนทางการละความดิ้นรน คือ ไม่ใช่ให้ความดิ้นรนไม่เกิดขึ้น คือ ไม่ใช่หนทางที่จะไม่ให้กิเลสเกิดขึ้น แต่หนทางที่ถูกคือ รู้จักความดิ้นรนที่เกิดขึ้นในจิตใจว่า ความดิ้นรน ที่เป็นกิเลสมีจริง ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรมที่เป็นไป เมื่อเข้าใจดังนี้ ขณะที่เข้าใจ ขณะนั้น ไม่ดิ้นรน เพราะสงบจากกิเลสที่เป็นความดิ้นรน เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงเป็นสภาพธรรมที่ละความดิ้นรน ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 5 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำคัญอยู่ที่การได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม ไปตามลำดับจริงๆ ได้ยินคำไหน ก็ต้องเข้าใจให้ชัดเจนในคำนั้นๆ และจะหาความชัดเจนของคำนั้นๆ อันส่องให้เข้าใจพระธรรม ได้ที่ไหน ก็ต้องจากพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั่นเอง

- ปฏิจจสมุปบาท หมายถึง สภาพธรรมที่เกิดขึ้นด้วยดี คือเป็นไปตามลำดับโดยอาศัยปัจจัยเป็นธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น เป็นเหตุ เป็นผลที่ทำให้สังสารวัฏฏ์เป็นไป ทรงแสดงถึงเหตุและผลที่เกิดจากเหตุ ปฏิจจสมุปบาทไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป เป็นจิต เจตสิก และ รูป เมื่อกล่าวอย่างกว้างๆ แล้ว เพราะมีอวิชชา คือ ความไม่รู้ จึงเป็นเหตุให้มีการกระทำที่เป็นบุญบ้างเป็นบาปบ้าง ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดในภพต่อไป มีจิต เจตสิก และ รูป เกิดขึ้นเป็นไป ทำให้สังสารวัฏฏ์ยืดยาวต่อไป

ปฏิจจสมุปบาทมีทั้งส่วนที่เป็นกิเลส กรรม และ วิบาก แม้แต่ในขณะนี้ ก็เป็นปฏิจจสมุปบาท ด้วย อย่างเช่น จิตเห็นขณะนี้ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร เพราะถ้าไม่มีเหตุปัจจัย จิตเห็นก็เกิดไม่ได้ เพราะมีกรรมเป็นปัจจัย แล้วกรรมมาจากไหน ถ้าไม่มีอวิชชาเป็นเหตุให้มีการกระทำกรรม ซึ่งเนื่องมาจากยังมีการเกิดอยู่นั่นเอง

- จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ ทุกขณะไม่เคยขาดจิตเลย มีจิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสาย ก่อนศึกษาพระธรรม ก็คงจะพูดคำว่าจิต โดยไม่รู้เลยว่าจิตคืออะไร แต่พอได้เริ่มศึกษาแล้ว ก็เข้าใจได้ว่า จิตเป็นธรรม มีจริงๆ เช่น เห็นในขณะนี้เป็นจิตได้ยิน เป็นจิตได้กลิ่น เป็นจิต เป็นต้น ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน สำหรับระดับขั้นของจิต มีทั้งหมด ๔ ระดับขั้นตามการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าในคนๆ หนึ่งจะมีจิตทีเดียวทั้ง ๔ ระดับ ซึ่งโดยปกติในชีวิตประจำวัน ก็เป็นจิตขั้นที่เป็นกามาวจระ ท่องเที่ยวไปในกามเป็นไปกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ถ้าไม่มีการอบรมเจริญความสงบของจิตจนถึงได้ฌานขั้นต่างๆ จิตขั้นที่เป็นรูปาวจระ และ อรูปาวจระ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ และสูงสุด ถ้าไม่มีการอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น จิตระดับที่เป็นโลกุตตรจิต ก็เกิดขึ้นไม่ได้

พระธรรมที่ทรงแสดงเรื่องของจิต ก็เพื่อให้เข้าใจความเป็นจริงของธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวตน ไม่มีใครบังคับจิตให้เกิดขึ้นได้ แต่จิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ไม่มีจิตแม้แต่ขณะเดียวที่จะดำรงอยู่นาน

จิตที่สมบูรณ์ เป็นจิตที่บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ประกอบด้วยกิเลสใดๆ ทั้งสิ้น ก็ต้องเป็นจิตของพระอรหันต์เท่านั้น พระอรหันต์เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ก่อนที่ท่านจะดับขันธปรินิพพาน ก็มีจิตเกิดขึ้นเป็นไป แต่ก็ไม่เป็นไปกับด้วยกิเลสเลย มีจิตเพียง ๒ ชาติ เท่านั้น คือ วิบาก กับ กิริยาเท่านั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 5 ก.ค. 2555

- สตานุสารีญาณ เป็นปัญญาของผู้ที่สามารถระลึกชาติหนหลังได้ ซึ่งการระลึกชาติหนหลังได้นั้น เป็นผลมาจากการได้อบรมเจริญสมถภาวนา

- สัตว์โลกถูกหุ้มห่อ ด้วยอวิชชา ซึ่งเป็นความหลงความไม่รู้ จึงทำให้ไม่สามารถรู้สภาพธรรมที่มีจริงตามความเป็นจริงได้ เมื่อใดก็ตามที่เริ่มมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้ฟังในสิ่งที่มีจริง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ก็เป็นการค่อยละออกจากการถูกหุ้มห่อด้วยความไม่รู้ไปทีละเล็กทีละน้อย

- ชีวิต ในแต่ละภพแต่ละชาตินั้น เป็นความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรม เท่านั้น สภาพธรรมเหล่านั้น ได้แก่

จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์)

เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) และ

รูป (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่ใช่สภาพรู้)

- ตราบใดที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ยังเป็นผู้ไม่พ้นจากทุกข์ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุ คือ กิเลส

เพราะยังมีกิเลส จึงยังไม่พ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวง ทำให้มีการเกิดในภพใหม่อยู่รำไป เป็นทุกข์อย่างไม่มีวันจบสิ้น เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ทำให้ดิ้นรน เดือดร้อนเพราะกิเลสที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ มีชีวิตที่ดำเนินไปด้วยอำนาจของกิเลส ถูกกิเลสครอบงำอยู่ตลอดเวลา ยากที่จะพ้นไปได้

เพราะยังมีกิเลสนี้เอง จึงฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง เพราะสามารถนำออกไปจากทุกข์ทั้งปวงได้จริง นำมาซึ่งประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่ง คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ประจักษ์แจ้งพระนิพพานถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ สูงสุด คือ ถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก ไม่มีทุกข์ ไม่ต้องมีการดิ้นรน ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะกิเลสอีกต่อไป ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 5 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. "ความหมายของปฏิจจสมุปบาท"

คือ ความเป็นไปของสังสารวัฏฏ์ (โดยมีสภาพธรรมที่อาศัยกันและกันเป็นปัจจัยจึงเกิดขึ้น) เมื่อสิ่งนี้มี จึงมีสิ่งนี้ เช่น เมื่อมีอวิชชาก็มีการเกิด จะไม่มีไม่ได้ เป็นต้น

จิต ไม่ใช่ของคน หรือ ของใคร ครับ แต่ จิตเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เป็นสภาพรู้ เป็นใหญ่ในการู้ จิตมีหลายระดับ มี ๔ ระดับ คือ

๒. "กามาวจรจิต รูปาวจรจิต อรูปาวจรจิต โลกุตตรจิต"

จิตที่สมบูรณ์ เป็นจิตที่บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ประกอบด้วยกิเลสใดๆ ทั้งสิ้น ก็ต้องเป็นจิตของพระอรหันต์เท่านั้น

๓. "สัตว์โลกถูกหุ้มห่อ ด้วยอวิชชา"

๔. สตานุสารีญาณ เป็นปัญญาของผู้ที่สามารถระลึกชาติหนหลังได้

๕. ชีวิต คือ จิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้นทำหน้าที่เกิดขึ้นและดับไป

"ที่เรียกว่า ชีวิต เพราะ เป็นสิ่งที่เกิดจากกรรมเป็นปัจจัย"

๖. เพราะอวิชชา ความไม่รู้จึงต้องดิ้นรน

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตวิริยะ

ของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เข้าใจ
วันที่ 21 ก.ค. 2555

กราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ