เรื่องกุฏุุมพีคนใดคนหนึ่ง ... วันเสาร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
เรื่องกุฎุมพีคนใดคนหนึ่ง
กุฏุมพี คนหนึ่ง เมื่อลูกชายตาย เกิดความเศร้าโศกเสียใจ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงเห็นอุปนิสัยที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบัน จึงเสด็จไปยัง
เรือนของเขา ทรงแสดงธรรมให้ฟัง ว่า ความตายไม่ใช่ว่าจะเกิดเฉพาะเพียงบุคคล
หนึ่งบุคคลใดเท่านั้น แต่ทั่วไปหมดสำหรับทุกคน ตราบใดที่สัตว์ทั้งหลายยังมี
การเกิด ย่อมไม่พ้นไปจากความตาย ควรที่จะได้พิจารณาว่า สิ่งที่มีความตายเป็น
ธรรมดา ได้ตายไปแล้ว ไม่ควรเศร้าโศก ควรที่จะได้เป็นอย่างบัณฑิตในกาลก่อน
แม้ลูกชายผู้เป็นที่รักตายไป ก็ไม่เศร้าโศก (โดยทรงเรื่องในอดีตมาแสดง คือ อุรค
ชาดก พระองค์เมื่อครั้งที่เป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อลูกชายตาย ตนเอง พร้อมด้วยภรรยา
ลูกสะใภ้ (ภรรยาของผู้ตาย) น้องสาวของผู้ตาย และคนใช้ ต่างเจริญมรณสติ จึงไม่
เศร้าโศกเสียใจ) ต่อจากนั้น พระองค์ได้ตรัสพระคาถา ความว่า ความโศก และ ภัย
ย่อมเกิดแต่ของรัก บุคคลผู้ปลดเปลื้องจากของรักได้แล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก และ ไม่มี
ภัย
ในเวลาจบพระธรรมเทศนา กุฎุมพีท่านนี้ ก็ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็น
พระโสดาบัน.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ความตายนั้น เป็นปรมัตถธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความตายเป็นธรรมดา
ทุกคนที่เกิดมา ล้วนมีความตายเป็นที่สุดทั้งนั้น
อยากให้แนะนำคำบรรยายของอ.สุจินต์ เกี่ยวกับความตายหน่อยครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อธิบาย เรื่องกุฎุมพีคนใดคนหนึ่ง
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้ง และทรงแสดงโดยนัย
เบื้องต้น จนถึงสูงสุดที่เป็นความจริง สัจจะที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้แต่การพิจารณา
ความตาย ทีเป็นมรณสติ หากได้อ่านพระสูตรนี้ ก็จะเป็นการพิจารณาเป็นเรื่องราวว่า
คนนั้น คนนี้ จะต้องตายเป็นธรรมดา ซึ่งหากอ่านพระสูตรนี้ ก็จะเห็นครับว่า เมื่อ
กฎุมพี ผู้นี้ ฟังพระธรรมจบ ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน นั่นแสดงถึงมีปัญญามาก คือ
จะต้องรู้ความจริงของสภพาธรรมที่กำลังมีในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงการพิจารณา ความ
ตาย เป็นเรื่องราวเท่านั้น แต่ การจะถึงความเป็นพระโสดาบัน จะต้องประจักษ์สภาพ
ธรรมทีเกิดขึ้นและดับไป อันเป็นความตายที่แท้จริง ที่เป็นการเกิดขึ้นและดับไปแต่ละ
ขณะ ดังนั้น ความตายที่แท้จริง มีอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญว่า มีสัตว์ บุคคล ตายจากไป
แท้ที่จริง ก็เป็นความคิดนึกของจิตใจของตนเอง ที่คิดว่าคนนี้ ยังอยู่ คนนี้จากไป
เพราะในความเป็นจริง มีแต่ จิต เจตสิก รูปทีเกิดขึ้นและดับไป ที่เกิดกับตนเองอยู่
ก็จากไปทุกขณะ ไม่มีสาระ และไม่ควรเศร้าโศก ในสิ่งที่เกิดดับ เป็นธรรมดา ผู้ที่จาก
ไป ก็ไม่พ้นจากความคิดเรื่องราว ที่ไม่ใช่สภาพธรรมที่มีจริง เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงรู้
ความจริง ในขณะที่สภาพธรรมกำลังเกิดขึ้นและดับไปที่เป็นความตายที่แท้จริง ขณะ
ที่ฟังธรรม จนได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ครับ
เพราะฉะนั้น จึงต้องย้อนกลับมาที่ ตัวจริงของสภาพธรรม เพราะประโยชน์ คือ การ
ละความไม่รู้ และ ละคลายกิเลสว่า เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใชเรา ไม่มีใคร ตาย แต่เป็น
สภาพธรรมทีเกิดขึ้นและดับไป ตายอยู่ทุกขณะ อันประจักษ์ด้วยปัญญา โดยเริ่มจาก
เหตุ คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
วันหนึ่งก็ จะต้องตาย ไม่รู้ตาย โดยถูกบังคับ หรือตายโดยหมด อายุขัย ไม่รู้ได้เลย
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ความตายที่แท้จริงก็คือการตายของพระอรหันต์"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
อ่านแล้วก็ซาบซึ้งในพระมหากรุณาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ หากมีผู้ที่
พร้อมจะเข้าใจธรรมแม้เพียงคนเดียวพระองค์ก็เสด็จไปโปรดแสดงธรรมแก่ผู้นั้น