ความมีเสน่ห์ของบุคคลต่างๆ

 
tookta
วันที่  26 ก.ค. 2555
หมายเลข  21475
อ่าน  14,325

เราเห็นคนที่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ (ไม่ว่าหน้าตาที่สวย หรือ หล่อ และมีความเป็นเลิศในหลายๆ ด้าน แต่เรื่องอุปนิสัยไม่ทราบ)

แต่เขากลับไม่มีเสน่ห์ที่จะทำให้ผู้อื่นที่เห็นเขาแล้วรู้สึกรักใคร่เขา แต่ในขณะที่อีกบุคคลหนึ่งซึ่งดูธรรมดามาก แต่เขาก็มีความสามารถในด้านต่างๆ บ้าง แต่ก็ไม่เลิศ กลับมีเสน่ห์ที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกรักใคร่เขา ไม่ทราบว่าเขาสะสมบุญอะไรมาคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความมีเสน่ห์ มีคนรักคนชอบ กับ ความไม่มีเสน่ห์ไม่มีคนรัก ไม่มีคนชอบ ก็อาศัยเหตุปัจจัยหลายๆ ประการ เช่นกัน ซึ่ง อาศัยเหตุ กรรมในอดีต ก็ทำให้มีคนรัก คนชอบมาก นั่นคือ เพราะอาศัยความเป็นผู้มีเมตตา เป็นปกติ

ซึ่ง ข้อความในลักขณสูตร ได้อธิบายว่า เพราะ กรรมที่มองผู้อื่นด้วยเมตตา นั่นคือ อาศัยความมีเมตตา ด้วยผลของบุญนั้น ย่อมทำให้เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ เป็นที่รัก ที่ชอบใจของคนทั้งหลาย

สรุปได้ว่า เพราะ มีความมีเมตตา เมื่อเหตุ คือ รักใคร่ เมตตาในผู้อื่น ผลก็ย่อมได้รับ คือ ผู้อื่น เมตตา รักใคร่ในบุคลนั้น นี่คือ ด้วยกรรมในอดีต เป็นปัจจัย

อีกประการหนึ่ง เพราะ อาศัย การกระทำในปัจจุบัน นั่นคือ สังคหวัตถุ ๔ คือ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา นั่นคือ การกระทำในปัจจุบัน นั่นเอง ที่จะทำให้มีเสน่ห์ มีคนรักมาก นั่นคือ ทาน เป็นผู้ให้เป็นปกติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก

อาศัย ปิยวาจา การพูดวาจาไพเราะ ด้วยกุศลจิต การพูดวาจาที่ดี ผู้ฟังย่อมยินดีพอใจ ในคำพูดนั้น ก็ทำให้เป็นที่รักที่ชอบใจของคนทั้งหลาย

และมี อัตถจริยา คือ การช่วยเหลือประการต่างๆ เพราะ มีการช่วยเหลือ ก็ย่อมเป็นที่รัก สำหรับผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือและผู้ที่พบเห็น

และ อาศัย สมานัตตตา ความเป็นผู้วางตนเสมอ คือ ไม่ถือตัว ไม่ว่ากับใคร ก็วางตัวเหมาะสม ก็ย่อมเป็นที่รัก กับผู้อื่น เพราะ มีความเป็นมิตร เป็นเพื่อนไม่ว่ากับใคร กับคนทุกระดับ

จากที่กล่าวมา เพราะอาศัยความดีนั่นเองที่จะทำให้เป็นที่รัก ที่ชอบใจของบุคคลอื่น มีความเมตตา ที่แสดงออกมาทางกาย วาจา มีการให้ทาน พูดในสิ่งที่ดี ช่วยเหลือ และการวางตนให้เหมาะสม

ซึ่ง ความเป็นที่รักที่ชอบใจ ก็แล้วแต่ว่า ถ้าเป็นความดี คนดี ก็ย่อมเป็นที่รัก ที่ชอบใจของคนดี แต่ ไม่เป็นที่รักของคนไม่ดี เพราะความดี ย่อมไม่เข้ากับความไม่ดี ส่วนความไม่ดี คนไม่ดี ก็ย่อมเป็นที่รักของคนไม่ดี นี่คือความเป็นธรรมดาของโลก

ที่สำคัญ ประโยชน์ไม่ได้อยู่ที่ความมีเสน่ห์ ไม่มีเสน่ห์ สำคัญที่พิจารณาว่า เราเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติตัว คือ ทำความดีเพียงพอหรือไม่ เพราะการทำความดี ไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นรัก นั่นไม่ใช่ความดี แต่ ทำดี เพราะ เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส ความไม่ดีของตนเอง แม้จะไม่มีคนรัก หรือ ไม่รู้ว่าเราเป็นคนดีอย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่ได้ คือ ความเป็นคนดียิ่งขึ้น ด้วยการเจริญกุศลประการต่างๆ ซึ่งก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นสำคัญ

เพราะ ความมีเสน่ห์ มีคนรัก ไม่สามารถทำให้ชีวิตมีความสุข และ ละคลายกิเลสได้จริง แต่ ปัญญา ความเข้าใจพระธรรม และการเจริญกุศลทุกๆ ประการ ตามกำลังปัญญา เป็นสิ่งที่ทำให้ละคลายกิเลส และ ทำให้ชีวิตมีความสุขที่แท้จริง เพราะ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครรัก หรือ ไม่รัก แต่ มีความสุขได้ เพราะ กิเลสลดลง เพราะ กิเลสเป็นต้นเหตุให้ทุกข์ ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tookta
วันที่ 28 ก.ค. 2555

ขอบคุณนะคะที่อธิบายให้ทราบและเข้าใจมากยิ่งขึ้นนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 28 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แต่ละคนที่เกิดมาก็มีความประพฤติเป็นไปตามการสะสม กล่าวได้ว่า แตกต่างกันตามการสะสมอย่างสิ้นเชิง ทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน โดยปกติทั่วไปแล้ว ทุกคนชื่นชม สรรเสริญในความดี ไม่ว่าความดีจะเกิดกับใคร ควรค่าแก่การชื่นชมสรรเสริญ แม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม นี้คือ ความเป็นจริง

แต่ใครจะคิดอย่างไรก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้นจริงๆ การจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ขึ้นอยู่กับการสะสมของแต่ละบุคคล นั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ เราได้กระทำหน้าที่ของตนให้เหมาะสมกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์หรือยัง ไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นรักชอบ แต่เป็นผู้ที่มั่นคงในการสะสมความดีต่อไป ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง

การมีคนรักมีคนชอบ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้กิเลสของตนเองลดลง กิเลสจะลดลงได้ก็ด้วยการอบรมเจริญปัญญา มั่นคงในการสะสมความดีต่อไป เท่านั้น

ประโยชน์สูงสุดที่เกิดมาในแต่ละภพแต่ละชาติ แท้จริง ก็คือ การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา มีความเข้าใจถูก เห็นถูก เป็นที่พึ่งในชีวิตได้จริง เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ทำแต่สิ่งที่ดีงาม นำมาซึ่งประโยชน์สุขในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า และประโยชน์สูงสุด คือ สามารถทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง หมดจดจากกิเลส ได้ในที่สุด ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 28 ก.ค. 2555

คนที่มีศัตรูเยอะ หรือ มีคนไม่ชอบเยอะ เป็นผลมาจากในอดีตที่เคยทำผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร ทำให้คนไม่ชอบ

ส่วนคนที่มีเสน่ห์มีคนรักมาก มาจากผลของการมีเมตตา ไม่มักโกรธ มีความอดทน และ ไม่ล่วงศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 28 ก.ค. 2555

ทำไปเถอะค่ะ ... ความดี

จะมีคนชอบใจหรือไม่

แต่ความดีนั้นยังคงเป็นความดีอยู่นั่นเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 29 ก.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 30 ก.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Chalee
วันที่ 1 ส.ค. 2555

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
munlita
วันที่ 10 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 12 ก.ย. 2555

ถ้าเป็นชาย หาก ไม่ศึกษาพระธรรม อาจอยากมีเสน่ห์แบบเขมกะ ... แต่ถ้ามีเสน่ห์แล้วทำอกุศลกรรม ... จะเกิดแต่โทษ ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างไร ... ลองอ่าน

ผลของกุศลทำให้มีแต่คนรัก [เรื่องบุตรของเศรษฐีชื่อเขมกะ]

นายเขมกะบรรลุเป็นพระโสดาบัน [เรื่องบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ]

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ