ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ กรมแผนที่ทหาร ๒๐ พ.ย. ๒๕๕๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา
ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ได้รับเชิญจาก พลโทนพดล โชติศิริ เจ้ากรมแผนที่ทหาร
ให้ไปสนทนาธรรม ที่ สโมสรนายทหาร กรมแผนที่ทหาร ถนนกัลยาณไมตรี
ซึ่งตั้งอยู่ที่ข้างกระทรวงกลาโหม หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร
ในระหว่างเวลา ๑๔.๐๐ - ๑๕.๑๕ น.
ในวันนั้น ข้าพเจ้าได้รับทราบจากสหายธรรมหลายท่าน ว่าเดินทางไปไม่ถูก
แม้ว่าจะใช้บริการรถแท๊กซี่ แต่คนขับก็ไม่ทราบว่า กรมแผนที่ทหารอยู่ที่ไหน
และ ถนนกัลยาณไมตรี อยู่ที่ไหน เป็นต้น ทำให้เกือบพลาดโอกาส
และ บางท่านก็พลาดโอกาสด้วย ทั้งๆ ที่ตั้งใจแล้วที่จะไป และ แม้กำลังเดินทางไป
แต่ก็ไปไม่ถูกสถานที่ ทำให้เลยเวลาสนทนาแล้ว เป็นต้น
นี่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เคยลืม เหมือนเมื่อครั้งที่ ข้าพเจ้าขับรถไปร่วมสนทนาธรรม
ที่ ภูแก้วรีสอร์ท เขาค้อ เพชรบูรณ์ แต่ขับรถหลงวนเวียนอยู่ในป่าที่มืดมิดนานนับชั่วโมง
เพราะคิดว่า ตนเองรู้ทางแล้ว และ คิดว่าไม่น่าจะหายากเพราะเหมือนเคยเห็นแล้ว เป็นต้น
เมื่อกราบเรียนท่านอาจารย์ในตอนเช้า ว่าขณะที่ขับรถหลงอยู่ในป่า คิดถึงคำของท่านที่ว่า
"ธรรมะ คิดเอง" คือ คิดเองว่ารู้แล้ว และ ท่านได้เมตตาตอบว่า
"...มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด ทำให้บุคคต้องหลงวนเวียนอยู่ในป่า คือ สังสารวัฏฏ์
ออกไปไม่ได้เลย..."
นี่ยิ่งเป็นการตอกย้ำ ถึงความละเอียด ของพระธรรม และ ความเป็นผู้ไม่ประมาท
ว่า รู้แล้ว เข้าใจแล้ว ดังที่ ท่านได้เตือนอยู่บ่อยๆ จนฝังอยู่ในใจของข้าพเจ้าไม่ลืมว่า
" เมื่อฟังแล้ว ก็อย่าคิดว่า เข้าใจแล้ว "
.........
ขอเชิญทุกท่านได้พิจารณาความการสนทนาบางตอนในวันนั้น ดังนี้ครับ
คุณคำปั่น ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
กราบเรียนท่านพลโทนพดล โชติศิริ เจ้ากรมแผนที่ทหาร
และ สวัสดีท่านผู้ร่วมศึกษาธรรมะทุกท่าน
วันนี้ก็เป็นโอกาสดีที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสมาสนทนา
ธรรมะกับทุกๆ ท่าน ซึ่งก็เป็นโอกาสดีทุกครั้ง ที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม
เพราะว่า พระธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ และ ทรงแสดง
เพื่ออนุเคราะห์ เกื้อกูลแก่สัตว์โลกได้เข้าใจธรรมะ ได้เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง
เพราะว่า แต่ละคน แต่ละท่านนั้น ก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งการเกิดมาเป็นมนุษย์
เป็นผลของกุศลกรรม เป็นผลของความดี แต่อย่างไรจึงจะชื่อว่า เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์
เป็นมนุษย์ที่แท้จริง ก็จะต้องเป็นคนดี เป็นคนดีแล้วยังไม่พอ ก็ยังจะต้องศึกษาพระธรรม
ให้เข้าใจด้วย "เป็นคนดี ควบคู่ไปกับการศึกษาพระธรรม"
ซึ่งในช่วงแรกนี้ ก็คงจะได้กราบเรียนท่านอาจารย์ ได้กล่าวถึง ความสำคัญของพระธรรม
ว่าจำเป็นอย่างไร? จึงจะต้องศึกษาธรรมะ ศึกษาสิ่งที่มีจริง ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ครับ
ท่านอาจารย์ ค่ะ ทุกท่านก็คงจะคุ้นหู กับคำว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
หรือ พระรัตนตรัย ซึ่งก็ประกอบด้วย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม
แล้วก็พระภิกษุสงฆ์ ทั้ง ๓ คำ เป็นคำที่ เพียงได้ฟัง
แต่ว่า ถ้าไม่ได้ศึกษา หรือว่า ไม่ได้เข้าใจจริงๆ
ว่า "พุทธะ" คืออะไร? "ธรรมะ" คืออะไร? และ "สังฆะ" คือ อะไร?
ก็จะไม่เห็น ความเป็นรัตนะ ความเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
สูงยิ่งกว่าสิ่งใด ในสากลจักรวาล ทั้งหมด
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้ยินคำว่า พระรัตนตรัย พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ
แล้วก็...ผ่านไป...
จะรู้ ในความเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด ได้อย่างไร?
เพราะฉะนั้น ทั้งหมดนี้ ถ้าไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจ โดยละเอียด ลึกซึ้งจริงๆ
ก็จะมีความเคารพ นอบน้อม ในพระรัตนตรัย
โดยที่ว่า ไม่ได้เข้าใจ ความละเอียด ลึกซึ้ง ความเป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง ของพระรัตนตรัย
เพราะฉะนั้น สำหรับชาวพุทธ ที่คุ้นหูคำว่า พระพุทธเจ้า
หรือว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะต้องทราบว่า
พระองค์ทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการทรงอบรมพระบารมี นานมากค่ะ
สี่อสงไขยแสนกัปป์ เพื่อที่จะได้ถึงความเป็นผู้ที่สามารถช่วยคนอื่น
ให้เกิดปัญญา รู้ความจริง ตามที่พระองค์ ได้ทรงตรัสรู้
เพราะฉะนั้น "แต่ละคำ" มีความหมายลึกซึ้ง (ถ้า) ไม่ได้ศึกษาธรรมะโดยละเอียด
ไม่สามารถที่จะเข้าใจความลึกซึ้งของ "แต่ละคำ" ในพระไตรปิฎก
ซึ่งพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสแสดง แก่บุคคลที่ไปเฝ้า
ให้บุคคลทั้งหลาย ได้ฟัง "คำ" ที่แสนยาก ที่จะได้ฟัง
เพราะ กว่าจะได้มีการตรัสรู้ ที่จะสามารถที่จะทำให้คนอื่น ได้เข้าใจ
ก็ต้องอบรมปัญญา นานแสนนาน
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่ละเอียด ก็จะรู้ว่า พระธรรม เป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง
มิฉะนั้น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะไม่ต้องทรงบำเพ็ญพระบารมี นานถึงอย่างนี้
ที่จะทำให้ "แต่ละคำ" ที่ได้ยิน "มีความหมายที่ลึกซึ้ง"
แม้แต่ผู้ฟังเอง การที่จะเข้าใจพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคฯทรงแสดง
ก็ต้องเป็นผู้ที่ละเอียด ลึกซึ้ง
สะสม ความเข้าใจจริงๆ ในแต่ละคำ
เช่นคำว่า "พุทธะ" ก่อน นะคะ
ถ้าไม่มี "ปัญญา" เป็นพุทธะไม่ได้
เพราะฉะนั้น "ปัญญา" ก็มีหลายระดับขั้น
ปัญญาของสาวก คือ ผู้ฟัง ไม่เท่าปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แน่นอน
ห่างกันแสนไกล
และ สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้ยิน ได้ฟังธรรมะเลย
เป็น ปุถุชน คือ ผู้ที่หนาแน่น ด้วยความไม่รู้ ในสิ่งที่กำลังมี ในขณะนี้
เพราะฉะนั้น การฟังพระธรรม "ยาก"
ไม่ใช่เป็นสิ่งที่คนอื่นเข้าใจว่า "ง่าย" และ จะรู้ได้โดยเร็ว
แต่ว่า แต่ละคำ ต้องเข้าใจจริงๆ
เมื่อพระผู้มีพระภาคฯทรงตรัสรู้ ก็น่าจะคิดว่า ทรงตรัสรู้อะไร?
เพราะว่า ถ้าเป็นปัญญาธรรมดา ก็รู้อย่างธรรมดา
แต่ถ้าเป็นปัญญา ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงตรัสรู้อะไร?
แค่นี้ก็น่าคิด ค่ะ
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริง
แค่คำว่า "ความจริง" คำเดียว ก็น่าคิด
ความจริง คือ อะไร?
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่ได้สนใจ ที่จะศึกษาให้เข้าใจจริงๆ
ก็จะ...ผ่านไป...
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริง ก็...ผ่านไป...
แต่ถ้าเป็นผู้ที่ละเอียด ก็ต้องไตร่ตรอง...
ความจริง...อะไร?...อยู่ที่ไหน?...
ความจริง คือ เดี๋ยวนี้เอง
ถ้าไม่ใช่ "เดี๋ยวนี้" ความจริงจะอยู่ที่ไหนได้?
เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ แม้จะได้ยินอย่างนี้ บางท่านก็จะ "งง" แล้วก็ "คิด"
ไม่เคยเข้าใจเลยว่า ความจริงอะไร? อยู่ที่ไหน? เดี๋ยวนี้ คือ อะไร?
แต่ความเป็นจริงก็คือว่า เดี๋ยวนี้มี "เห็น"
"เห็น" จริง ขณะที่ "เห็น" ไม่ใช่ "คิด" แล้วก็ ไม่ใช่ "เสียง"
แต่เห็นสิ่งที่กำลังปรากฏ ในขณะนี้
นี่คือ แม้แต่คำเล็กๆ คำธรรมดา ข้ามไป...ไม่เคยสนใจ...
แต่ความจริง เป็นสิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ และ ทรงแสดงความจริง
คือ ธรรมะ
หมายความว่า สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ มีจริงๆ ปรากฏจริงๆ
เกิดขึ้นจริงๆ แล้วก็ดับไปจริงๆ แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลยจริงๆ
ฟังท่านอาจารย์ กล่าวเรื่อง ความจริง ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ว่า
.........
"...ทรงตรัสรู้อะไร?
แค่นี้ก็ น่าคิด ค่ะ
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ ความจริง
แค่คำว่า "ความจริง" คำเดียว ก็น่าคิด
ความจริง คือ อะไร?..."
.........
กราบท่านอาจารย์ครับ "น่าคิด" ครับว่า แม้ท่านอาจารย์เอง กว่า ๕๐ ปีมาแล้ว
จนปัจจุบันนี้ อายุของท่าน ๘๕ ปีแล้ว ท่านยังคงเดินทางไปเกื้อกูล ให้ความเข้าใจ
ในธรรมะที่ถูกต้อง ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้ ในทุกๆ ที่
โดยไม่ได้หวังการตอบแทนใดๆ เลย และ ไม่เคยหยุดเลย เช่น ช่วงใกล้ๆ ที่ผ่านมา
ท่านเดินทางไปโปแลนด์ตามคำเชิญของชาวต่างชาติที่สนใจ นานนับครึ่งเดือน
หลังกลับมา ท่านไปหัวหิน ไปอัมพวา ไปสวนผึ้งราชบุรี หลังจากนั้นท่านก็ไปเวียตนาม
ราวครึ่งเดือนตามคำเชิญของผู้สนใจชาวเวียตนาม ซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวแทบทั้งสิ้นอีกด้วย
กลับมาได้ไม่กี่วัน ท่านก็มาสนทนาธรรมที่นี่ตามคำเชิญของกรมแผนที่ทหาร
"น่าคิด" ใช่ไหมครับว่า กว่า ๕๐ ปี ไม่ว่าท่านจะไปในที่ไหนๆ ท่านพูดแต่เรื่อง "เห็น"
เดิมๆ ซ้ำๆ ให้ทุกท่านฟัง ในทุกๆ ที่ ที่ท่านไป
สำหรับผูัที่ละเอียด ไม่เผิน ไม่ผ่านไป ไม่ข้ามไป "น่าคิด" ครับว่า ท่าน เห็นอะไร?
จึงได้เพียรบอกเรื่อง "เห็น" มากว่า ๕๐ ปี
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
การฟังพระธรรม "ยาก" ไม่ใช่เป็นสิ่งที่คนอื่นเข้าใจว่า "ง่าย" และ จะรู้ได้โดยเร็ว
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
เมื่อกราบเรียนท่านอาจารย์ในตอนเช้า ว่าขณะที่ขับรถหลงอยู่ในป่า คิดถึงคำของท่านที่ว่า
"ธรรมะ คิดเอง" คือ คิดเองว่ารู้แล้ว และ ท่านได้เมตตาตอบว่า
"...มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด ทำให้บุคคต้องหลงวนเวียนอยู่ในป่า คือ สังสารวัฏฏ์
ออกไปไม่ได้เลย..."
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณวันชัย มา ณ กาลครั้งนี้
ทั้งขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านที่เกี่ยวข้องด้วยครับ
คิดว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 1ชั่วโมง 15 นาที ที่จะฟังการบรรยาย..อาจไม่คุ้ม
กับการเดินทางไปฟัง..ไปแล้วรู้สึกคุ้มค่ามากค่ะ..หากมีโอกาสคงไม่ละเลยอีก..
ขออนุโมทนาค่ะ
คิดว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 1ชั่วโมง 15 นาที ที่จะฟังการบรรยาย..อาจไม่คุ้ม
กับการเดินทางไปฟัง..ไปแล้วรู้สึกคุ้มค่ามากค่ะ..หากมีโอกาสคงไม่ละเลยอีก..
ขออนุโมทนาค่ะ
เห็นด้วยมากๆ กับพี่จรรยาครับ
สมัยก่อนท่านอาจารย์เคยกล่าวถึงท่านผู้สูงอายุท่านหนึ่งออกจากบ้านซึ่งอยู่ชานเมืองแต่
เช้า มาถึงมูลนิธิฯ บ่าย เพื่อฟังธรรม ท่านมีวิริยะและเห็นประโยชน์ในการฟังพระธรรมมาก
จริงๆ นะครับ
ผมเห็นว่าเมื่อได้ฟังธรรมะเมื่อใดย่อมคุ้มค่าแก่ชีวิตสั้นๆ นี้แล้ว และหากได้เข้าใจขึ้นอีกสัก
นิด เงินทองมากมายเท่าไหร่ก็ยังแลกไม่ได้เลยนะครับ
ขออนุโมทนากับพี่จรรยาด้วย หวังว่าสุขภาพพี่ดีขึ้นแล้วนะครับ
คิดว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 1ชั่วโมง 15 นาที ที่จะฟังการบรรยาย..อาจไม่คุ้ม
กับการเดินทางไปฟัง..ไปแล้วรู้สึกคุ้มค่ามากค่ะ..หากมีโอกาสคงไม่ละเลยอีก..
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
...การฟังพระธรรม "ยาก"
ไม่ใช่เป็นสิ่งที่คนอื่นเข้าใจว่า "ง่าย" และ จะรู้ได้โดยเร็ว...
------------------------
เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับความเห็นของพี่จรรยา เพราะทุกครั้งที่มีโอกาสฟังพระธรรม
จะน้อย หรือ มาก ก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้น เมื่อเข้าใจ และในวันนั้น ขอบอกว่าคุ้มค่ามาก
เช่นกัน ท่านอาจารย์กล่าวพระธรรม ละเอียด ลึกซึ้ง ไพเราะ เกื้อกูลเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยได้ยินได้ฟังเลย (แม้ท่านเ้จ้ากรมแผนที่ทหาร พล.ท.
นพดล โชติศิริ ถึงกับเรียนท่านอาจารย์ว่า ไม่เคยได้ยินได้ฟังอย่างนี้มาก่อนเลย
เป็นประโยชน์มากทีเดียว
ขอเชิญคลิกอ่าน ข้อความธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าว
ในวันนั้น (เท่าที่จะพอประมวลได้ ในบางท่อน บางช่วง บางตอน เพิ่มเติมจาก
ที่พี่วันชัย ภู่งาม ได้ลงไว้) ได้ที่นี่ ครับ ...
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๖
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัย ภู่งาม และทุกๆ ท่าน ครับ
"...คิดว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 1ชั่วโมง 15 นาที ที่จะฟังการบรรยาย..อาจไม่คุ้ม
กับการเดินทางไปฟัง..ไปแล้วรู้สึกคุ้มค่ามากค่ะ..หากมีโอกาสคงไม่ละเลยอีก..."
และ
"...ผมเห็นว่าเมื่อได้ฟังธรรมะเมื่อใด ย่อมคุ้มค่าแก่ชีวิตสั้นๆ นี้แล้ว
และ หากได้เข้าใจขึ้นอีกสักนิด เงินทองมากมายเท่าไหร่ก็ยังแลกไม่ได้เลยนะครับ..."
..........
เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านทั้งสองได้กรุณากล่าวไว้ในที่นี้ ด้วยเช่นกันครับ
และ ความเห็นของท่าน จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แก่ทุกๆ ท่านในที่นี้
สำหรับข้าพเจ้าเอง รู้สึกได้ถึงความเมตตาอันไม่มีประมาณของท่านอาจารย์
ทุกท่านย่อมเห็นได้ว่า แม้เพียง ๑ ชั่วโมง ๑๕ นาที
ท่านอาจารย์ก็ไม่ละโอกาสแห่งความเกื้อกูลความเข้าใจในพระธรรมเลย
ยิ่งท่านได้ทราบว่า มีผู้เข้าใจ แม้เพียงหนึ่งเดียว ในทุกๆ ที่ ที่ท่านไป
นั่นคือ ความปีติของท่านแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นที่ยิ่งไปกว่าเลย สำหรับท่านอาจารย์
และแน่นอนว่า ความเข้าใจแม้เพียงน้อยหนึ่ง ที่เกิดขึ้น
ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ และ มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์ใดๆ ในสังสารวัฏฏ์ ของบุคคลนั้นเอง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านอีกครั้งครับ