กรณีภิกษุณี
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กฎเกณฑ์ในการบวชเป็นพระภิกษุณี มีหลายประการดังนี้ครับ
- ต้องบวชกับคณะสงฆ์ ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายภิกษุสงฆ์ ๑ ฝ่ายภิกษุณีสงฆ์ ๑
- ต้องถือครุธรรม ๘ ประการตลอดชีวิต
- สำหรับสตรีที่จะไปขอบวช ต้องเป็นนางสิกขมานา รักษาศีล ๖ ข้อ ไม่ขาดเลย ๒ ปี จึงจะบวชเป็นพระภิกษุณีได้ ถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่งต้องเริ่มนับใหม่ให้ได้ ๒ ปี จึงจะบวชได้ครับ ศีล ๖ ข้อที่ต้องถือห้ามขาด ตลอด ๒ ปี คือ
๑. งดเว้นจากปาณาติบาต
๒. งดเว้นจากอทินนาทาน
๓. งดเว้นจากอพรหมจรรย์ อันมีการเสพเมถุน เป็นต้น
๔. งดเว้นจากมุสาวาท
๕. งดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย
๖. งดเว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาลคือหลังเที่ยง
เมื่อไม่มีภิกษุณีแล้ว ก็ไม่สามารถบวชผู้หญิงเป็นภิกษุณีได้ เพราะฉะนั้น การบวชภิกษุณีในปัจจุบัน ก็เป็นโมฆะ คือไม่ใช่ภิกษุณีจริงๆ เพราะผิดหลัก ขัดหลักพระธรรมวินัย ตามที่กล่าวมา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อไม่มีภิกษุณีแล้ว ก็ไม่มีสตรีท่านใดสามารถที่จะบวชเป็นภิกษุณีได้ เพราะการบวชเป็นภิกษุณี ต้องบวชจากสงฆ์สองฝ่าย แม้ในยุคนี้สมัยนี้จะมีผู้หญิงบวช นั่นก็ไม่ใช่ภิกษุณี ไม่ใช่บรรพชิตในพระพุทธศาสนา ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย และเป็นที่น่าพิจารณาว่า การเจริญขึ้นของกุศลธรรมและปัญญา ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องบวชเท่านั้นถึงจะเจริญได้ แม้ไม่ได้บวช ก็สามาถเจริญได้เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้นจะเห็นประโยชน์ของกุศลและการได้เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้มากน้อยแค่ไหน ผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลในเพศคฤหัสถ์ก็มีมากทีเดียว เป็นเรื่องการสะสมของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอเรียนถามท่านผู้รู้ว่า มีการกล่าวถึงเหตุในการงดเว้นการบริโภคอาหารในเวลาวิกาลคือ หลังเที่ยงในเพศบรรพชิตในพระไตรปิฎกหรือไม่ หากมี เนื่องด้วยเหตุผลอย่างไร
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ
พระสงฆ์ฉันเย็น ฉันก็อาบัติ ปล่อยไห้หิวมากไม่ฉันก็อาบัติจริงหรือ