ปัญญาวิมุต กับ เจโตวิมุต ต่างกันอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้น ไม่ว่าจะปรากฏในที่ใดก็ตาม ย่อมมีความหมายอย่างนี้ ขึ้นอยู่กับว่า จะหลุดพ้นด้วยอะไร ถ้าหลุดพ้นพร้อมด้วยฌาน เป็นเจโตวิมุตติ หลุดพ้นด้วยปัญญา เป็นปัญญาวิมุติ เมื่อศึกษาพระธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนา จะพบ ๒ คำนี้ในพระไตรปิฎกและอรรถกถาซึ่งมีความหมายหลายนัย ในบางแห่ง แสดงว่า ฌานจิตทุกระดับเป็นเจโตวิมุตติ เป็นความหลุดพ้นด้วยกำลังแห่งฌานขั้นต่างๆ ที่เกิดขึ้นข่มกิเลสไว้ได้ ในบางแห่งหมายถึง สมาธิ (เอกัคคตาเจตสิก) ในอรหัตตผล ชื่อว่า เจโตวิมุตติ คำว่า ปัญญาวิมุตติ ในอรรถกถาบางแห่ง แสดงไว้ว่า หมายถึง ปัญญาในอรหัตตผล และในบางแห่งกล่าวถึง การบรรลุเป็นพระอรหันต์ โดยที่ไม่ประกอบด้วยฌานขั้นใดขั้นหนึ่งเลย เรียกว่า ปัญญาวิมุตติ ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การจะถึง การหลุดพ้นด้วยปัญญา และ ด้วยการเจริญสมถภาวนา สำคัญที่เหตุคือ การมีปัญญาขั้นการฟัง ศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกล่าวถึง การหลุดพ้นที่ไปไกลถึง ปัญญาวิมุตติ เจโตวิมุตติ แต่ควรกลับมาที่ในชีวิตประจำวัน ที่ขณะนี้ เป็นผู้ที่หลุดพ้นจากอกุศลในชีวิตประจำวัน หรือไม่ แต่ละขณะ ซึ่งขณะใดที่กุศลจิต ขณะนั้นหลุดพ้นจากอกุศล หลุดพ้นจากกิเลสชั่วคราว แต่ยังไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้หมดสิ้น คือ หลุดพ้นด้วยปัญญา ที่เป็นปัญญาวิมุตติ แต่อาศัย การหลุดพ้นทีละขณะคือ ขณะที่เข้าใจพระธรรม ขณะนั้นหลุดพ้นจากอวิชชา ความไม่รู้ไปทีละน้อย และก็สะสมปัญญาที่เจริญขึ้น ย่อมถึงการหลุดพ้นจากกิเลสได้หมดสิ้น ถึง ปัญญาวิมุตติเพราะ ไม่มีสภาพธรรมอะไรที่จะทำให้ละกิเลสได้ นอกจากปัญญา ปัญญาจึงทำให้หลุดพ้นได้ ครับ
แต่ในสมัยพุทธภูมิ ไม่ใช่สาวกภูมิเหมือนสมัยนี้ การศึกษาธรรมทีละขณะ ในสมัยพุทธภูมิ นั้นมีน้อย เพราะไม่มีพระไตรปิฎก และไม่ต้องนั่งจำอภิธรรม 42,000 พระธรรมขันธ์มีแต่ฟังพระพุทธเจ้าท่านเทศน์ไม่กี่คำ ก็หลุดพ้น สิ้นกิเลสไปเลย แบบนี้เรียกว่าหลุดพ้นแบบใหนเหรอครับ
เรียนความเห็นที่ 4 ครับ
ในสมัยพุทธกาล อาศัยพระพุทธเจ้าแสดงธรรมจนบรรลุ ซึ่งก็มีผู้ที่บรรลุทั้งที่เป็นปัญญาวิมุติ หลุดพ้นด้วยปัญญา โดยไม่ได้ฌาน และ บรรลุพร้อมฌาน เป็น เจโตวิมุตติ ซึ่งถ้าหากได้อ่านประวัติของพระอริยสาวกก่อนบรรลุในอดีตชาติ ท่านก็อบรมปัญญาจากการฟังพระธรรม เข้าใจไปทีละขณะ จนมาถึงสมัยพุทธกาล ปัญญาแก่กล้าแล้ว ก็บรรลุได้รวดเร็วมาในสมัยปัจจุบัน ผู้ที่มีปัญญาน้อยก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรรม สะสมความเข้าใจทีละน้อย ก็จะถึงการบรรลุได้ ทั้งที่เป็นปัญญาวิมุติ และเจโตวิมุตติ ถ้าสะสมปัญญามามาก ก็ได้ฌานแล้วบรรลุด้วยเป็นเจโตวิมุตติ ถ้าปัญญาน้อยก็บรรลุแบบปัญญาวิมุตติ ครับ