ถ้าไม่มีขันธ์เกิดขึ้น ทุกข์สุขก็ไม่มี
ครั้นวชิราภิกษุณีทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาป แล้วจึงได้กล่าวกะมารผู้มีบาปด้วยคาถาว่า ดูก่อนมาร เพราะเหตุไรหนอ ความเห็นของท่านจึงหวนกลับมาว่า สัตว์ในกองสังขารล้วนนี้ ย่อมไม่ได้นามว่า สัตว์ เหมือนอย่างว่า เพราะคุมส่วนทั้งหลายเข้า เสียงว่ารถย่อมมี ฉันใด. เมื่อขันธ์ทั้งหลายยังมีอยู่ การสมมติว่าสัตว์ ย่อมมี ฉันนั้น ความจริง ทุกข์เท่านั้นย่อมเกิด ทุกข์เท่านั้นย่อมตั้งอยู่ และเสื่อมสิ้นไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ.
ทุกข์นี้คืออะไร สภาพธรรมที่เกิดขึ้นต้องดับไปเป็นธรรมดา ไม่มีสภาพธรรมใดที่เกิดแล้วไม่ดับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วดับไปย่อมเป็นทุกข์ มีใครที่เกิดมาแล้วอยากตาย เพราะความไม่รู้จึงยึดถือสภาพธรรม (ขันธ์ มีความหมายว่า ว่างเปล่าจากสิ่งหนึ่งสิ่งใด คนนั้นคนนี้) ว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นสิ่งต่างๆ ว่าเที่ยง ถ้าไม่มีตัณหาจะมีทุกข์ไหม เพราะสภาพธรรมเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วหมดไป เมื่อไรหมดตัณหา ก็หมดทุกข์ เมื่อมีสุขก็ไม่รู้จักจบ แสวงหาต่อไปอีกเรื่อยๆ ต้องการสุขเวท นาไม่มีวันจบ ดับไปแล้วขณะหนึ่ง ก็ยังขวนขวายต่อไปอีก เร่าร้อนด้วยความต้องการ แสวงหาตลอดเวลา แค่อยาก ไม่อยากจะดีกว่าไหม เดือดร้อนเพราะความพอใจเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แม้มีทุกอย่างก็ยังมีโลภะ ทำไมถึงขวนขวายสุขเวทนาอยู่ตลอดเวลาไม่รู้จักจบ ถ้าไม่เกิดอีกเลยจะสุขขนาดไหน เพราะติดข้องก็ขวนขวายต่อไปอีกๆ ซึ่งสิ่งที่เป็นโสมนัสเวทนาตลอดเวลา ถ้าไม่ขวนขวายจะดีกว่าไหม หวังด้วยความทุกข์ เพราะอย่างไรๆ ก็ต้องเกิดตามเหตุปัจจัย แล้วขวนขวายเป็นทุกข์ไหม เพราะเกิดต่างหากที่นำทุกข์ต่างๆ มา การเกิดขึ้นของของขันธ์เป็นทุกข์ เห็นเป็นทุกข์ ได้ยินเป็นทุกข์... ถ้าไม่มีขันธ์เกิด จะมีอะไรๆ มาทุกข์หรือสุข ย่อมไม่มี จนกว่าความไม่รู้จะหมดไป จึงจะไม่มีเหตุให้เกิดอีกต่อไป
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มได้ที่
เหตุให้เกิดทุกข์และสุข [ปฐมสุขสูตร]
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านด้วยครับ