วิปัสสนาญาน เวียน 3 รอบ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้คววามจริงในอริยสัจ 4 เช่น รู้ว่านี้ทุกข์ รู้ด้วยปัญญาด้วยความมั่นคงว่า ทุกข์ คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงความปวดเมื่อยเท่านั้น แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป ปัญญาที่รู้ความจริงในความเป็นทุกข์อริยสัจเป็นสัจจญาณ แต่สัจจญาณจะมีได้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรมจนปัญญามั่นคง เห็นถูกว่า สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เองที่เป็นทุกข์ นี่คือสัจจญาณในทุกขอริยสัจ และปัญญาที่รู้ความจริงในสมุทัยสัจจะ ว่าเป็นอย่างนี้ คือ รู้ตัณหา โลภะ ตามความเป็นจริง ว่าเป็นอย่างนี้ โดยสัจจะอื่นๆ ก็โดยนัยเดียวกัน คือรู้ในพระนิพพานในขั้นการฟัง ตามความเป็นจริงและรู้ในหนทางดับทุกข์ คือ อริยมรรค ตามความเป็นจริง ครับ นี่คือสัจจญาณ ปัญญา ในอริยสัจ ๔ ซึ่งสัจจญาณก็มีหลายระดับ ตามระดับปัญญา
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...
กิจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้หน้าที่ กิจที่ควรทำในอริยสัจ ๔ เช่น ปัญญาที่รู้ว่า ทุกขอริยสัจควรกำ หนดรู้ รู้ว่าสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ควรกำหนดรู้ รู้ด้วยปัญญา ที่สติปัฏฐานเกิด รู้ความจริงในขณะนี้ของสภาพธรรมว่า เป็นธรรมไม่ใชเรา ดั้งนั้น จึงไม่มีเราที่ไปกำหนดรู้ แต่เป็นหน้าที่ของปัญญาว่า ทุกข์ควรกำหนดรู้ คือ ปัญญาเกิด รู้ความจริงของสภาพธรรมนั่นเอง ขณะที่สติปัฏฐานเกิด รู้ความจริงของสภาพธรรมและปัญญาที่เป็นระดับวิปัสสนาญาณ เป็นต้น เป็นกิจจญาณในทุกขอริยสัจ
ปัญญาที่รู้กิจหน้าที่ในสมุทัยสัจจะ ว่า โลภะเป็นสิ่งที่ควรละ ด้วยปัญญาระดับสูง เป็นกิจจญานในสมุทัยสัจจะ ปัญญาที่รู้ความจริงในนิโรธสัจจะ คือ รู้ความจริงว่าควรทำให้แจ้ง ให้ถึงพระนิพพาน ด้วยปัญญาระดับสูง เป็นกิจจญานในนิโรธสัจจะ
ปัญญาที่รู้ตามความเป็นจริงว่า หนทางในการดับกิเลส คือ สติปัฏฐาน ๔ อริยมรรคควรเจริญ ควรอบรมให้มาก ปัญญารู้เช่นนี้ เป็นกิจจญาณในอริยสัจข้อสุดท้ายที่เป็นหนทางดับกิเลส ครับ นั่นคือ มรรคอริยสัจจะ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...
กตญาณ คือ ปัญญาที่รู้แจ้งในกิจที่ได้ทำแล้วในอริยสัจ 4 ตามความเป็นจริง อันหมายถึงการบรรลุธรรม ดับกิเลสได้นั่นเองครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่..
ดังนั้นจากคำถามที่ว่า
อยากขอเรียนกถามว่า ถ้ากระผมจะกล่าวโดยนัยย่อที่สุด โดยละไว้ในฐานที่เข้าใจ จะกล่าวอย่างนี้ได้หรือไม่
สัจจญาณ ได้แก่ ปริยัติ
กิจจญาณ ได้แก่ ปฏิบัติ
กตญาณ ได้แก่ ปฏิเวธ
จะกล่าวโดยย่ออย่างที่ผู้ถามกล่าวมาก็ได้ ครับ แต่จะต้องมีความเข้าใจถูกเบื้องต้นเป็นสำคัญว่า ปริยัติที่จะเป็นสัจจญาณนั้นเป็นอย่างไร เพราะ ปริยัติที่เป็นสัจจญาณ ไม่ใช่เพียงการจำชื่อ เรื่องราว และ สามารถกล่าวได้มาก จำได้มาก แต่ปริยัติที่เป็นสัจจญาณจะต้องเป็นปัญญาขั้นการฟังที่มั่นคงแล้วว่าสภาพธรรมคือขณะนี้ การจะรู้ความจริงก็คือรู้สภาพธรรมในขณะนี้ ปริยัตินี้ จึงเป็นปริยัติที่มีความเห็นถูก มีปัญญาเป็นหลักสำคัญ ก็จะทำให้ถึงกิจจญานได้ คือ เกิดสติปัฏฐานที่เป็นปฏิบัติ และถึงการบรรลุธรรมที่เป็นกตญาณ ครับ
การจะถึงปัญญา ๓ ระดับตามที่กล่าวมาในอริยสัจ ๔ นั้น ที่สำคัญต้องเริ่มจากการฟังพระธรรมในหนทางที่ถูกต้องในเรื่องของสภาพธรรม เมื่อปัญญาเจริญขึ้นจากขั้นการฟังว่า ขณะนี้เป็นธรรม การ รู้ความจริงก็ต้องรู้ขณะนี้ ขณะนั้นกำลังอบรมสัจจญาณ ความมั่นคงในการู้ความจริงของสภาพธรรมที่เป็นทุกขอริยสัจ ดังนั้น จึงไม่ต้อห่วงเรื่องของชื่อปัญญา เพียงแต่อบรมเหตุคือการฟังพระธรรมไปเรื่อยๆ ธรรมจะทำหน้าที่ ปัญญาเจริญขึ้น สัจจญาณก็เจริญขึ้นตามลำดับ และย่อมทำให้ถึงปัญญา ที่รู้ความจริงของสภาพธรรม ด้วยการประจักษ์แจ้งความเป็นามธรรมและรูปธรรม ที่เป็นกิจจญาณและถึงการดับกิเลส บรรลุธรรมอันเป็นกตญาณได้ ครับ ซึ่งก็ไม่พ้นจากการรู้ความจริงในขณะนี้เลยครับ
พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวก ท่านก็รู้ความจริงในขณะนี้ อันเป็นการเจริญสัจจญาณ กิจจญาณและกตญาณตามความเป็นจริง จนได้บรรลุธรรมนั่นเองครับ แต่สำคัญ คือ อบรมเหตุคือฟังพระธรรม หากทำอย่างอื่น จะปฏิบัติและจะไปหาธรรม นั่นก็เท่ากับว่า ขาดความเข้าใจเบื้องต้น และไม่ใช่สัจจญาณ เมื่อไม่มีสัจจญาณแล้ว ก็ไม่มีทางถึงการรู้ความจริง และการดับกิเลสที่เป็นกิจญาณและกตญาณได้เลยครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
อยากขอความกระจ่างเรื่อง สัจญาณ กิจญาณ และ กตญาณ ครับ
รอบ 3 อาการ 12 ขอคำตอบที่ชัดเจนและรอบคอบ ครับ
ข้อความในพระไตรปิฎก เกี่ยวกับเรื่อง รอบ 3 และอาการ 12 ครับ เชิญคลิก
ญาณทัสสนะมีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒
สัจจญาณ กิจญาณ กตญาณ ๓ รอบ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปัญญาทั้งที่เป็นสัจจญาณ กิจจญาณ และ กตญาณ หรือจะกล่าวโดยนัยที่เป็น ปริยัติ ปฏิปัตติ และ ปฏิเวธ ก็เป็นเรื่องของความเข้าใจถูกเห็นถูกทั้งหมด ถ้าไม่มีความเข้าใจตั้งแต่ต้นแล้วการที่จะมีปัญญาขั้นที่เกิดขึ้นทำกิจรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ จนกระทั่งรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสตามลำดับขั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้นแล้ว การศึกษาตามหลักคำสอนของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ต้องเป็นไปตามลำดับ กล่าวคือ ผู้ศึกษาต้องฟังพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้รอบรู้ในพระธรรมคำสอนว่า ขณะนี้ มีธรรมจริงๆ เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เป็นจริงอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ซึ่งเป็นการศึกษาในขั้นของปริยัติ เมื่อฟังเข้าใจแล้วก็ย่อมจะมีเหตุปัจจัยให้สติสัมปชัญญะเกิดขึ้น ระลึกรู้สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนั้น เป็นการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง เป็นขั้นของปฏิปัตติซึ่งมาจากปริยัติที่มั่นคง โดยที่ไม่มีตัวตนที่ปฏิบัติ แต่เป็นธรรมปฏิบัติหน้าที่ของธรรม คือ สติและปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และเมื่อปัญญาเจริญขึ้นคมกล้าขึ้น ก็จะมีผล คือ ทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ละกิเลสได้ตามลำดับขั้น เป็นขั้นปฏิเวธ คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ปฏิเวธจะมีไม่ได้ ถ้าไม่มีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง และการปฏิบัติอย่างถูกต้องจะมีไม่ได้ ถ้าไม่มีการศึกษาพระธรรมคำสอนอย่างถูกต้อง ทั้งปริยัติปฏิบัติ และ ปฏิเวธ จึงเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...