ปรึกษาเรื่องผู้มีพระคุณ
เรียนปรึกษา เรื่องผู้มีพระคุณติดการพนัน หนูไม่เคยเกลียดผู้มีพระคุณ แต่รู้สึกเห็นใจที่ท่านยังวนเวียนอยู่ในชีวิตแบบนี้ ห่วงท่านว่าจะหลงตาย ห่วงว่าเมื่อถึงเวลาไป จะไปในที่ไม่ดี แต่ที่อยากถามคือ เมื่อท่านยังเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพนันไม่ได้ ทำให้มีเรื่องเดือดร้อนเรื่องเงินทองตลอดเวลา ในฐานะที่เราเป็นลูก ถ้าเราให้เงินไปช่วย เท่ากับเราสนับสนุนท่านในทางที่ผิดหรือไม่ ให้ไปแล้วท่านเอาไปเล่น ถ้าท่านเล่นได้เท่ากับเราให้เงินท่านไปสร้างความเดือนร้อนให้กับคนที่เสียหรือไม่ เวลาท่านมีเรื่องเดือดร้อนมา ถ้าเราไม่ให้ เราบาปหรือไม่ เพราะว่าก็มีการคุยกันหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า ช่วยเป็นครั้งสุดท้าย จะให้เงินเลี้ยงดูเฉพาะส่วนที่ใช้จ่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องการพนัน จะไม่ช่วยอีกแล้ว กลุ้มใจมากค่ะ ไม่รู้ว่าควรจะปฏิบัติกับท่านอย่างไรดี ควรให้เงินเท่าที่ท่านต้องการ เพราะผู้มีพระคุณตอบแทนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดหรือไม่ควรให้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็น ครับ
กระทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด ด้วยการให้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ท่าน เงินที่ให้ก็ควรที่จะบอกท่านว่าให้สำหรับใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ให้ไปเล่นการพนัน พร้อมกับไม่ลดละความพยายาม ในการชี้แจงแสดงเหตุผลว่า การพนันไม่ดีอย่างไร ไม่ควรเข้าไปยุ่งในสิ่งเหล่านี้ ควรที่จะได้ใช้เงินในทางที่เป็นประโยชน์ เพราะการพนันเป็นบ่อเกิดแห่งความพินาศ ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา เป็นต้น ควรที่จะได้อธิบายให้ท่านฟัง กระทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด การแนะนำให้ได้ยินได้ฟังในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายเลยบอกได้ ส่วนผู้ที่ได้ยินได้ฟังจะรับฟังและคล้อยตามหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของผู้ที่แนะนำ แต่เป็นไปตามการสะสมของผู้นั้นจริงๆ และ ไม่ควรลืมภาระหน้าที่ที่สำคัญของตน คือการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมกุศล เป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความที่เกี่ยวข้อง (เป็นประโยชน์มาก) ได้ที่นี่ครับ
แม่แก่แล้วติดเหล้าและเล่นการพนัน
รู้สึกเกลียดการเกิดมามีพ่อแม่ติดพนันค่ะ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ให้เท่าที่ชวยได้ ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดีอดร้อน เตือนและแนะนำได้ แต่ถ้าไม่เชื่อก็เป็นไปตามกรรม ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในสมัยพุทธกาล ท่านอนาถบิณฑิเศรษฐีมีญาติที่ติดการพนัน คราวแรกเมื่อญาติมาขอความช่วย เหลือ ท่านอนาถแม้รู้อยู่ ก็ให้ทรัพย์ไปพันกหาปนะ คราวต่อมารู้ว่าเขาทำทรัพย์ให้พินาศแล้วเพราะติดการพนัน ก็ให้ลดลงไปเรือ่ยๆ จนในที่สุดก็ไม่ให้เลย ให้ผ้าไปหนึ่งผืน นี่แสดงว่าท่านอนาถะมีปัญญา และ ช่วยเหลือญาติ แต่ค่อยๆ ช่วยเหลือตามกำลัง และ ลดลงเรื่อยๆ ตามความเหมาะสม เพราะรู้อยู่ว่า ให้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ให้เท่าไหร่ก็หมด ดังนั้น ในประเด็นนี้สำหรับผู้มีพระคุณแล้ว การแนะนะก็คงพูดกันมากแล้ว ในเรื่องนี้ ควรที่จะให้ตามความเหมาะสม คือ ไม่ได้ให้มาก แต่ให้ตามจำนวน ที่เพียงเพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้ และ ที่สำคัญ ก็ไม่ใช่เพียงให้ด้วยเงินเท่านั้นข้าวปลาอาหาร ก็ควรให้กับท่าน ก็จะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตอยู่กับท่านด้วย
ไม่มีใครสามารถบังคับแก้ไขอะไรเราได้ แต่ควรไม่ลิมอุเบกขา ความเป็นผู้วางเฉยด้วยปัญญา ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ซึ่งการวางเฉย แต่ไม่ใช่ไม่ช่วยเหลือ แต่เมื่อมีปัญญาก็ช่วยเหลือ อนุเคราะห์ด้วยกรุณา ด้วยเมตตา ให้ผู้มีพระคุณ ดำรงชีวิตอยู้ได้ตามเหตุปัจจัย ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ตามเหตุปัจจัยของผู้มีพระคุณนั้นเอง และเมื่ออนุเคราะห์เหมาะสมกับผู้มีพระคุณแล้ว ก็ ทำหน้าที่อย่างอื่นของตนเองต่อไป โดยไม่เดือดร้อน เพราะได้ทำหน้าที่บุตรที่ดีแล้ว คือ ให้ตามความเหมาะสม ช่วยเหลือกิจการงานในบ้านต่างๆ เท่าที่ทำได้ และ ไม่ลืมประโยชน์ของตน ที่สำคัญที่สุด คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมปัญญาเป็นสำคัญ ครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ความไม่ดีของคนอื่น ก็เป็นเรื่องความไม่ดีของคนอื่น
แต่ควรทำหน้าที่ของตนให้เหมาะสมในฐานะที่เป็นบุตร"
และ ไม่ควรลืมภาระหน้าที่ที่สำคัญของตน
คือการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมกุศล เป็น
ที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ