การดูดวง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นครับ
เป็นธรรมดาของสัตว์โลกจริงๆ สะสมมาแตกต่างกัน มีความประพฤติแตกต่างกัน ตามการสะสม บุคคลผู้ที่ขาดปัญญาและไม่มีที่พึ่งที่แท้จริง ย่อมแสวงหาที่พึ่งที่แตกต่างกันตามความเชื่อถือ ซึ่งไม่ได้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมและปัญญาเลย เราจึงเห็นพฤติกรรมของคนมากมาย ที่กระทำต่างๆ นานา เป็นไปคล้อยตามความไ่ม่รู้ อย่างเช่นเกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนต่างๆ ก็ไปหาหมอดู ดังที่ปรากฏในประเด็นคำถาม คนดูก็ไม่รู้ คนที่ไปให้เขาดูก็ไม่รู้ ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ มีแต่จะเพิ่มพูนอกุศลให้มีมากขึ้น ขณะที่่เป็นไปกับด้วยอกุศล ไม่มีคุณเลยแม้แต่น้อย ส่วนผู้ที่มีปัญญา ท่านไม่พึ่งหมอดู เพราะท่านได้ที่พึ่งอันประเสริฐ คือ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เข้าใจในเหตุในผลตามความเป็นจริง เมื่อได้รับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ไม่น่าชอบใจ ก็เข้าใจตามความเป็นจริงว่า ไม่มีใครทำให้ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร แต่เกิดเพราะอดีตอกุศลกรรมที่ตนเองได้กระทำแล้วถึงคราวให้ผล จึงไม่โทษใคร และยังจะเป็นอนุสสติข้อเตือนใจให้เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิตต่อไป และที่น่าพิจารณา คือ ใครๆ ก็ไม่สามารถกำหนดชีวิตของเราได้ นอกจากเราจะเป็นผู้ไม่ประมาทในการสะสมสิ่งที่ดี คือ กุศล ต่อไป เพราะกุศลธรรมเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง พึ่งให้พ้นจากอกุศล พึ่งให้พ้นจากอบายภูมิ พึ่งให้พ้นจากการได้รับผลของกรรมที่ไม่ดี ซึ่งจะต้องมีความมั่นคงในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยไม่ขาดการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ทุกวันนี้ทั้งคนทั้งมนุษย์ต่างพึ่งพาหมอดูกันมาก
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบคุณ คุณ khampan.a สำหรับคำตอบด้วยครับ จากคำถามและคำตอบ เนื่องจากผมมีสภาวะแวดล้อมคนใกล้ชิดที่นิยมดูดวง และหากำลังใจจากการดูดวงนี้ ผมจึงขอถามต่อไปว่า ถ้าหากมีการรับมือหรือคุยกับคนที่ชอบดูดวง กระผมควรทำเช่นไร พูดคุยหรือปฎิบัติตัวอย่างไร พอที่จะชี้แนะให้บุคคลนั่นเห็นจริงครับ ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรียนสนทนาในหัวข้อกระทู้ และในความเห็นที่ 3 ครับ
ความทุกข์ของปุถุชนเป็นของธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้น เพราะยังมีกิเลสที่ยังไม่สามารถดับได้ และ เมื่อทุกข์ เมื่อไม่รู้จักทุกข์ ก็ย่อมหาหนทางที่จะดับทุกข์ในหนทางที่ผิดเป็นธรรมดา เช่น การดูดวง ซึ่ง ดวง คือ อนาคตข้างหน้า ไม่มีใครที่จะรู้ได้ เพราะไม่มีปัญญาที่จะหยั่งรู้อนาคต แต่ปุถุชนก็ต้องการที่จะรู้ เพื่อแสวงหาเวทนา ความสุขทางใจ ดังนั้น การแก้ปัญหา จึงเป็นการแก้ด้วยความไม่รู้ แก้ทุกข์ด้วยกิเลสก็ทุกข์ ด้วยเพื่อเพียงได้เวทนาความสุข แต่ขณะนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดปัญญา ความเข้าใจ แต่กลับจะทำให้เข้าใจผิด ในความเป็นไปของสภาพธรรมที่เป็นสัจจะ อันขัดแย้งกับพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง
โทษของการแก้ปัญหาผิดด้วยการดูดวงทำให้เพิ่มกิเลส โดยเฉพาะ ขัดกับหลักกรรม และ ผลของกรรม เพราะย่อมทำให้เข้าใจผิดว่า จะต้องสะเดาะเคราะห์ แก้ดวงชะตาได้ และ ทำให้แทนที่จะแก้ปัญหาด้วยเข้าใจปัญหา คือ ปัญหามาจากกิเลส ก็แก้ด้วยกิเลส ก็ไม่มีทางแก้ปัญหา และ แก้ทุกข์ได้จริง
โทษของการดูดวงจึงนำมาซึ่งกิเลส คือ ความไม่รู้ และ ความเห็นผิด และ ไม่ได้เข้าใจความจริงของสภาพธรรม ก็จะทำให้สะสมอุปนิสัย ความเป็นผู้ไม่ตรงต่อสัจจะ
การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง คือ เข้าใจปัญหา และ ยอมรับความจริงว่า ไม่มีใครหลีกหนีผลของกรรมไปได้เลย เมื่อมีเหตุปัจจัยก็ต้องได้รับผลของกรรม การแก้ปัญหา คือ เข้าใจในสิ่งที่เกิดแล้ว และสะสมเหตุที่ดีใหม่ คือ การทำความดีโดยไม่หวังปัญญา ความเข้าใจถูกเท่านั้นที่เกิดจากการศึกษาพระธรรม จะทำให้คิดถูก แทนที่จะต้องมาแก้ปัญหาด้วยการดูดวง เพราะแม้จะรู้อนาคตแต่เมื่อไม่มีปัญญาก็ต้องทุกข์อยู่ดี ก็แก้ปัญหาด้วยการอบรมปัญญา ปัญญาจะเป็นเครื่องนำทาง และ คิดถูกขึ้นในปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ครับ
ซึ่งสำหรับในประเด็นที่ถาม ในความเห็นที่ 3 ที่จะแนะนำสำหรับผู้ที่ดูดวงอย่างไรนั้น ก็สามารถแนะนำเขาได้ครับว่า ไม่มีใครที่จะรู้อนาคตได้เลย นอกจากผู้มีปัญญา มีผู้ที่ได้ฌาน อบรมสมถภาวนามาครับ ดังนั้น การดูดวงก็เป็นการเดา ตามสถิติ ไม่ได้ถูกต้องตามความเป็นจริง และ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง เพราะแม้จะรู้แล้ว แต่ถ้ายังมีกิเลสมาก ก็ยังจะต้องทุกข์ใจอีก วิธีแก้ปัญหาเวลามีปัญหาแทนที่จะดูดวง ก็มาคิดพิจารณาให้ถูกต้องว่าปัญหาเกิดจากอะไร ก็จะแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แทนที่จะปลอบใจด้วยการทายอนาคตที่ดี เพราะถ้าหากไม่ดี ก็จะต้องผิดหวังอีก ดังนั้น ความทุกข์ ความผิดหวัง ก็มาจากความหวัง การอยากดูดวง แล้วทายว่าดี ทุกข์มาจากความหวัง การแก้ปัญหาจึงต้องแก้ด้วยกิเลส ด้วยการคิดถูก ด้วยการฟังพระธรรม และ คิดพิจารณาปัญหาอย่างถูกต้อง ก็จะแก้ปัญหา และ ทุกข์น้อยลง โดยไม่จำเป็นจะต้องดูดวงเลย ครับ คนในสมัยพุทธกาล เวลามีทุกข์ก็เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ฟังธรรมและไม่ได้ดูดวง ตามที่กล่าวมา ก็สามารถแนะนำผู้ที่ชอบดูดวงได้ ครับ
ขออนุโมทนา