การตรัสรู้ของพระพุทธองค์

 
อ๊อด
วันที่  17 มี.ค. 2556
หมายเลข  22634
อ่าน  9,665

เรียนถามเรื่อง การตรัสรู้ของพระพุทธองค์ คือการนั่งสมาธิ จนตรัสรู้ใช่หรือไม่ พระองค์ทรงตรัสรู้อย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่า ตรัสรู้ หมายถึง การรู้ความจริงของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และ เป็นอนัตตา ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรม ด้วยการเจริญวิปัสสนา เจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖ จึงได้ตรัสรู้ ซึ่งก่อนหน้านี้ สมัยที่ไปเรียนกับอุทกดาบส เป็นต้น ก็สามารถได้ฌานจนถึงขั้นสูงสุด แต่ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ เพราะการเจริญสมถภาวนานั้น เป็นเพียงทำให้สงบจากกิเลสชั่วคราว และในคืนก่อนที่จะตรัสรู้ พระองค์ก็เจริญสมถภาวนา สามารถระลึกชาติได้ ในปฐมยาม และ ในมัชฌิมยามแห่งราตรี ก็สามารถเจริญฌาน ได้เห็นสัตว์เกิดสัตว์ตาย ที่เป็นการเจริญสมถภาวนา แต่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า แม้เราเจริญฌานสมถภาวนา ก็ไม่สามารถทำให้กิเลสหมดสิ้นได้ ไม่สามารถทำแผ่นดินให้ไหว ต่อเมื่อเราเจริญวิปัสสนา เจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ ในยามสุดท้าย ก็สามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ทำใแผ่นดินให้ไหว

เพราะฉะนั้น หนทางการดับกิเลส ไม่ใช่การนั่งสมาธิ ไม่ใช่การเจริญสมถภาวนา เพียงแต่ ทำให้จิตสงบจากกิเลสชั่วคราว แต่หนทางการดับกิเลส คือ การเจริญวิปัสสนา เจริญอริยมรรค ที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ครับ

ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่จะเจริญวิปัสสนาจะต้องไปนั่งสมาธิ ไปเจริญสมถภาวนาก่อน จึงจะเจริญวิปัสสนาได้ ถึงจะตรัสรู้ธรรม หากได้อ่านธรรมอย่างละเอียด แม้ผู้ที่ไม่ได้ฌาน ไม่ได้เจริญสมถภาวนา ก็สามารถดับกิเลสได้ด้วยการเจริญวิปัสสนาอย่างเดียว ดังตัวอย่างใน พระอริยสาวก ที่เพียงฟังพระธรรม ก็บรรลุธรรม โดยไม่ต้องไปนั่งสมาธิ ทำสมถภาวนาทั้งสิ้น ครับ

การตรัสรู้ จึงจะต้องเข้าใจคำนี้ให้ถูกต้อง ว่าเป็นการตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งมีหนทางเดียว คือ การเจริญสติปัฏฐาน เจริญอริยมรรค โดยไม่ต้องไปนั่งสมาธิ ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ

จะนั่งสมาธิอีกแล้วครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nopwong
วันที่ 17 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 17 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ คือ บุคคลผู้เลิศ ผู้ประเสริฐที่สุดในโลก พระองค์ทรงเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง (อรหันต์) ทรงตรัสรู้โดยชอบได้โดยพระองค์เอง (สัมมาสัมพุทธะ) สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้นั้น คือ อริยสัจจ์ ๔ ประการได้แก่ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และ หนทางที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงทั้งหมดทุกประการ พระองค์ทรงตรัสรู้ตามความเป็นจริง เมื่อทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้ว ทรงมีพระมหากรุณาที่จะเกื้อกูลสัตว์โลกให้ได้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงเข้าใจ จึงทรงแสดงพระธรรม ประกาศพระศาสนาแก่สัตว์โลก ซึ่งมีผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรม ตามระดับขั้นของความเข้าใจของแต่ละบุคคล สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ สูงสุดถึงความเป็นพระอรหันต์ มีเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ท่านเหล่านี้ก็ตรัสรู้ความจริง คือ สัจจะทั้ง ๔ ประการนั้น แต่ไม่ได้ตรัสรู้เองเหมือนอย่างพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ได้ฟังความจริงที่พระองค์ทรงแสดงจึงสามารถตรัสรู้ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า สัจจะคือสิ่งที่มีจริงเหล่านี้ ทำให้บุคคลผู้รู้แจ้งถึงความเป็นพระอริยะได้ เมื่อเห็นอริยสัจจ์ ๔ ตามความเป็นจริง ก็จะเป็นเหตุให้ไม่ต้องวนเวียนไปในวัฏฏะ อีกต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 17 มี.ค. 2556

พระพุทธเจ้าไม่ใช่บรรลุเพราะสมาธิ แต่เพราะเป็นปัญญาที่รู้แจ้งอริยสัจ ๔ เจริญอริยมรรคมีองค์แปด บำเพ็ญบารมีมาสี่อสงไขยแสนกัป เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็ได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 17 มี.ค. 2556
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
อ๊อด
วันที่ 18 มี.ค. 2556

หมดข้อสงสัย อนุโมทนา ทุกท่านคร้บ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 19 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 17 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ