ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๘๓

 
khampan.a
วันที่  24 มี.ค. 2556
หมายเลข  22674
อ่าน  1,514

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๘๓]

--- ผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง จะน้อยจะ มากเพียงใดก็ตาม ถ้าหากว่าเป็นผู้ที่เข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง โดยที่ไม่เข้าใจผิด หรือไม่เข้าใจคลาดเคลื่อน พร้อมทั้งเป็นผู้ตั้งจิตไว้ชอบในการศึกษาพระธรรม ว่าเพื่อ เข้าใจตามความเป็นจริง และน้อมประพฤติปฏิบัติตามขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงแต่เพียงฟังเท่านั้น ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์แก่ผู้นั้น

--- เมื่อปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญขึ้น สติย่อมได้เหตุได้ปัจจัยที่จะเกิด ขึ้น ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง และอีกประการหนึ่ง สำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ย่อมจะได้รับ ประโยชน์จากพระธรรม เพราะเหตุว่า กุศลทั้งหลายทั้งปวง ล้วนมาจากการฟังพระธรรม ทั้งนั้น

--- โลกนี้ คือ พระอภิธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้โดยละเอียด การศึกษาพระ อภิธรรมจึงเป็นการศึกษาที่ทำให้ค่อยๆ รู้จักตัวเอง รู้จักโลกตามความเป็นจริง เป็นสัจจธรรม

อย่าเข้าใจว่า ปฏิบัติธรรมคือต้องทำอะไร แต่การปฏิบัติธรรมเป็นการอบรมเจริญ

ปัญญา เพื่อรู้แจ้งลักษณะของสภาพธรรมซึ่งมีจริงๆ กำลังปรากฏให้รู้ ให้เข้าใจตามความ

เป็นจริงได้ แต่เมื่อไม่เคยฟังก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ ฉะนั้น ก็ต้องฟัง ศึกษา พิจารณาจนกว่าจะ

ค่อยๆ รู้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

อกุศลธรรมมีหลายขั้น อกุศลอย่างหยาบเป็นเหตุให้เกิด กายทุจริต วจีทุจริต

ทางกายมีประหัตประหารเบียดเบียน ยึดถือทรัพย์ของคนอื่นที่เจ้าของไม่ได้ให้เอามา

เป็นของตน ทางวาจา ก็มีกิเลสขั้นหยาบที่ทำให้พูดเท็จ คำพูดที่น่าฟังกับคำพูดที่ไม่

น่าฟัง เกิดจากจิตที่ต่างกัน คำพูดหยาบ ต้องเกิดจากอกุศลจิตที่มีกำลังมาก คำพูดที่

แสดงถึงความสำคัญตน ก็เกิดจากอกุศลที่ตรงกันข้ามกับสภาพจิตใจที่อ่อนโยน มีเมตตา

มีความเป็นเพื่อนด้วยความจริงใจ อย่างสิ้นเชิง

สภาพธรรมเป็นความจริง ถูกคือถูก ผิดคือผิด กุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล

ถ้าเป็นอกุศลแล้ว ใครบอกว่าดี ต้องผิดแน่ๆ เพราะในเมื่อเป็นอกุศลแล้ว จะดี ได้อย่างไร

จิตที่เป็นกุศล ไม่ใช่อกุศล จิตที่เป็นอกุศล ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ชาติไทย ไม่ใช่ชาติ

ฝรั่งอะไรๆ เลยทั้งสิ้น เพราะเป็นธรรมที่มีจริง

ความเห็นถูก กับความเห็นผิด แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความเห็นถูก คือ ความเห็น

ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นๆ ไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

ไม่เข้าใจผิด, เห็นว่าสภาพธรรมเกิดแล้วดับไป เห็นถูกหรือเห็นผิด? เห็นว่าสภาพธรรม

ไม่มีปัจจัย เกิดขึ้นเองลอยๆ โดยปราศจากปัจจัย เห็นถูกหรือเห็นผิด?

อภิธรรม เป็นธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจาก

การทรงตรัสรู้ คือ ประจักษ์แจ้งสัจจธรรมความจริงของสภาพธรรมนั้นๆ

กว่าจะวางเฉยในอารมณ์ทั้งปวง กว่าจะสามารถดับกิเลสได้ ก็ต้องมาจากความเข้าใจ

ยังชื่นชมพระภาษิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจ

จริงๆ

ต้องเป็นผู้ตรง ไม่ประมาท (พระธรรม) ฟังแล้วก็ต้องฟังอีก ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความ

เข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น

ถ้าไม่รู้ความจริงในขณะนี้ซึ่งเป็นลักษณะสภาพธรรมที่มีจริงๆ แล้วจะเป็นบัณฑิตได้

อย่างไร

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรม

ที่มีจริงๆ ตรงตามความเป็นจริง ทุกคำ

เดี๋ยวนี้ลืมว่า เป็นธรรม พระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องเตือนให้ไม่ลืมว่าขณะนี้

เป็นธรรม

เมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น ก็เริ่มเป็นผู้ไม่หวั่นไปด้วยอำนาจของอกุศล

ขณะใดที่เป็นโลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง ขณะนั้น ไม่สงบเสงี่ยม

อกุศลมีกำลังถึงขั้นประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่น เห็นได้ชัดเจนถึงความไม่สงบเสงี่ยม

ที่จะสงบเสงี่ยมจริงๆ ก็ด้วยกุศล ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูก

พูดถึงห้วงน้ำของกิเลส มีโลภะ เป็นต้น อยู่ที่ไหน? อยู่ที่นี่หรือเปล่า คือ อยู่ที่

จิตของแต่ละคน

ถ้าไม่เข้าใจแล้ว ก็พักด้วยกิเลส เพียรทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องซึ่งจะไม่เป็นเหตุให้

ความเข้าใจถูกเห็นถูกเกิดขึ้นได้เลย

ขณะใดที่เริ่มเข้าใจขึ้น ขณะนั้นก็พ้นจากความติดข้องในรูปเสียง กลิ่น รส

โผฏฐัพพะ พ้นจากความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน

ขณะที่กุศลจิตเกิด กาย วาจา ก็ดีขึ้น

ถ้าไม่ใช่ความเข้าใจถูกเห็นถูกที่ค่อยเริ่มเจริญขึ้นจากขณะนี้ ก็ย่อมไม่สามารถข้าม

ไปถึงฝั่งของความหมดจดจากกิเลสได้เลย.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๘๒ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๘๒

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ

- เมื่อมีความเข้าใจธรรมแล้ว ก็ประพฤติปฏิบัติตาม การประพฤติปฏิบัติตามมีหลาย

ระดับ เริ่มตั้งแต่เมื่อมีความเข้าใจย่อมเห็นโทษของอกุศล เห็นว่ากุศลให้ผลเป็นความ

สุข ความประพฤติทางกาย วาจา ก็ค่อยๆ ดีขึ้น ถ้าความดีขั้นต้นในชีวิตประจำวันไม่มี

แล้วจะถึงการดับกิเลสได้อย่างไร เมื่อกุศลต่างๆ ค่อยๆ เจริญขึ้น การน้อมประพฤติ

ปฏิบัติธรรมขั้นสูงยิ่งๆ ขึ้นก็ค่อยๆ เจริญขึ้นตามความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของ

สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จนกว่าจะรู้ตามความเป็นจริงว่าทุกอย่างที่กำลังปรากฏเป็น

ธรรมะ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ซึ่งก็ยังอีกยาวนานมากกว่าที่จะรู้ตามความเป็นจริง

เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจธรรมเท่านั้น ความประพฤติทางกาย วาจา ใจ จะดีขึ้น ถ้าไม่ดี

ขึ้นแสดงว่ายังไม่เข้าใจธรรรม

- การอบรมเจริญปัญญาของแต่ละท่านจึงเป็นปัจจัตตัง เป็นความรู้เฉพาะตน ซึ่ง

ไม่ใช่การหลอกตัวเอง และคนอื่น ก็ไม่สามารถที่จะมาหลอกได้ ว่าท่านผู้นี้มีปัญญา

ขั้นนั้น ขั้นนี้ แต่ว่าเป็นปัญญาของผู้ที่มีสติระลึกจริงๆ ที่จะรู้ว่า ปัญญาของตนเองมี

มากแค่ไหน หรือว่ายังจะต้องอบรมเจริญต่อไป เจ้าค่ะ เพราะว่าความจริงเป็นอย่างไร

ก็ต้องเป็นอย่างนั้น จุดประสงค์ก็ไม่ใช่เพื่อจะเป็นพระอริยบุคคลในชาตินี้ ค่ะ เพราะว่า

ถัาจุดประสงค์จะเป็นพระอริยบุคคลในชาตินี้ นั่นเป็นความหวัง นั่นเป็นความต้องการ

แต่ว่าไม่ใช่ปัญญาที่รู้เหตุจริงๆ ที่จะทำให้เป็นพระอริยบุคคล ถ้าเป็นปัญญาที่จะทำให้รู้

เหตุจริงๆ ที่จะเป็นพระอริยบุคคล ก็คือปัญญาที่รู้ว่า สภาพธรรมกำลังปรากฏในขณะนี้

แล้วสติเกิดคืออย่างไร และเมื่อสติเกิดแล้วมีความรู้ความเข้าใจลักษณะของสภาพธรร

มที่กำลังปรากฏอย่างไรขอให้เป็นการอบรม เจริญปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ ลักษณะ

ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติไปเรื่อยๆ นี่เป็นเหตุที่ว่า ถ้าปัญญาสามารถที่จะ

รู้อย่างนี้จริงๆ วิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นเมื่อใด ย่อมได้ มัคคจิต ผลจิต จะเกิดขึ้น เมื่อใด

ย่อมได้ แต่ถ้าไม่มีปัญญาอย่างนี้ไม่มีทางเลย ที่วิปัสสนาญาณจะเกิด หรือว่า โลกุตตร

จิตจะเกิด ค่ะ

- ถ้าไม่มีการศึกษาให้เข้าใจก็จะรู้ไม่ได้เลย อย่างตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้ามีนามธรรม

และ รูปธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่แยกขาดจากกัน รูปธรรมเป็นธรรมที่มีจริง แต่ไม่สามารถ

จะรู้อะไรได้เลย แต่เวลาที่กระทบสัมผัสกายบางคนอาจจะเข้าใจว่า รูปสามารถที่จะมี

ความรู้สึกได้ เพราะไม่เข้าใจว่าแท้ที่จริงในขณะนั้นมีสภาพธรรมอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่

รูป แต่อาศัยรูปเกิดขึ้น เช่น ขณะนี้ทางตา มีเห็น ถ้าไม่มีจักขุปสาท คือประสาทตา ซึ่ง

เป็นรูปพิเศษ ที่สามารถจะกระทบกับสิ่งที่ปรากฏทางตา ถ้าใครก็ตาม ที่กรรมไม่เป็น

ปัจจัยให้ปสาทรูปเกิด สิ่งที่ปรากฏทางตาในขณะนี้ จะปรากฏไม่ได้ นี่คือ ความถูกต้อง

ตามความเป็นจริงว่า สภาพธรรมที่แม้มีจริง แต่ว่าต้องมีปัจจัยที่จะทำให้มีสภาพเห็น

สิ่งนั้นๆ จึงปรากฏ คนตาบอดไม่รู้ลักษณะของสีสันวรรณะเลย สีสันวรรณะไม่ปรากฏ

เพราะไม่มีปัจจัยที่จะให้มีธาตุรู้สี หรือเห็นเกิดขึ้น นี่คือความถูกต้องแต่ถ้าเป็นเรา ก็

หมายความว่า ไม่เข้าใจอะไรเลย

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
natural
วันที่ 24 มี.ค. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 24 มี.ค. 2556

กว่าจะวางเฉยในอารมณ์ทั้งปวง กว่าจะสามารถดับกิเลสได้ ก็ต้องมาจากความเข้าใจ

ยังชื่นชมพระภาษิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจ

จริงๆ

เมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น ก็เริ่มเป็นผู้ไม่หวั่นไปด้วยอำนาจของอกุศล

ถ้าไม่ใช่ความเข้าใจถูกเห็นถูกที่ค่อยเริ่มเจริญขึ้นจากขณะนี้ ก็ย่อมไม่สามารถข้าม

ไปถึงฝั่งของความหมดจดจากกิเลสได้เลย.

- เมื่อมีความเข้าใจธรรมแล้ว ก็ประพฤติปฏิบัติตาม การประพฤติปฏิบัติตามมีหลาย

ระดับ เริ่มตั้งแต่เมื่อมีความเข้าใจย่อมเห็นโทษของอกุศล เห็นว่ากุศลให้ผลเป็นความ

สุข ความประพฤติทางกาย วาจา ก็ค่อยๆ ดีขึ้น ถ้าความดีขั้นต้นในชีวิตประจำวันไม่มี

แล้วจะถึงการดับกิเลสได้อย่างไร เมื่อกุศลต่างๆ ค่อยๆ เจริญขึ้น การน้อมประพฤติ

ปฏิบัติธรรมขั้นสูงยิ่งๆ ขึ้นก็ค่อยๆ เจริญขึ้นตามความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของ

สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จนกว่าจะรู้ตามความเป็นจริงว่าทุกอย่างที่กำลังปรากฏเป็น

ธรรมะ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ซึ่งก็ยังอีกยาวนานมากกว่าที่จะรู้ตามความเป็นจริง

เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจธรรมเท่านั้น ความประพฤติทางกาย วาจา ใจ จะดีขึ้น ถ้าไม่ดี

ขึ้นแสดงว่ายังไม่เข้าใจธรรรม

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.เผดิม อย่างยิ่งค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เข้าใจ
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ขอบพระคุณ และขอกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
daris
วันที่ 25 มี.ค. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
j.jim
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
บรรพต
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 26 มี.ค. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jaturong
วันที่ 26 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
kinder
วันที่ 26 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
nong
วันที่ 27 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 27 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
rrebs10576
วันที่ 27 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
bsomsuda
วันที่ 27 มี.ค. 2556

อีกประการหนึ่ง สำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรม เพราะเหตุว่า กุศลทั้งหลายทั้งปวง ล้วนมาจากการฟังพระธรรมทั้งนั้น

ขณะที่กุศลจิตเกิด กาย วาจา ก็ดีขึ้น

กว่าจะวางเฉยในอารมณ์ทั้งปวง กว่าจะสามารถดับกิเลสได้ ก็ต้องมาจากความเข้าใจ

ต้องเป็นผู้ตรง ไม่ประมาท (พระธรรม) ฟังแล้วก็ต้องฟังอีก ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความ

เข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.ผเดิม และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Wisaka
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ คุณคำปั่น และคุณเผดิม มากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
boonpoj
วันที่ 4 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
มังกรทอง
วันที่ 28 พ.ย. 2564

เมื่อปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญขึ้น สติย่อมได้เหตุได้ปัจจัยที่จะเกิด ขึ้น ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง และอีกประการหนึ่ง สำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ย่อมจะได้รับ ประโยชน์จากพระธรรม เพราะเหตุว่า กุศลทั้งหลายทั้งปวง ล้วนมาจากการฟังพระธรรม ทั้งนั้น น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ