ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๙๐

 
khampan.a
วันที่  12 พ.ค. 2556
หมายเลข  22892
อ่าน  1,307

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๙๐]

--- เรื่องของธรรม ก็ไม่ควรจะทอดทิ้ง ไม่ว่าจะมีชีวิตในลักษณะใดทั้งสิ้น ก็ควรที่จะ มีการฟังธรรม พิจารณาแล้ว ประพฤติปฏิบัติตามธรรมอยู่เรื่อยๆ อย่าให้ชีวิตขาด ธรรม หรือว่าขาดการศึกษา ขาดการฟังธรรม เพราะเหตุว่าถ้าขาดการฟังพระธรรม แล้ว ก็จะเป็นผู้ประมาท ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป ในลักษณะอื่นได้ ถ้าผู้ใดขาด ธรรมแล้ว ชีวิตก็ย่อมมืดมน แล้วก็อาจจะทำให้ไขว้เขวไปในทางผิดได้

--- ความสงบที่ประเสริฐ ความสงบที่แท้จริง ก็คือการสงบจากกิเลสทั้งปวง

--- ไม่ว่าใครจะทำผิด ถ้าสำนึกผิดแล้วก็แก้ไข คือว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีกต่อไป นั่นเป็นความเจริญ ไม่ใช่ผิดก็ปล่อยให้ผิดต่อไปอย่างนั้นจะถึงความเจริญไม่ได้

--- ไม่ว่าจะผิดพลาดพลั้งไปในเรื่องใดๆ ก็ตาม แล้วก็รู้ว่าได้กระทำผิด ก็ไม่กระทำ ต่อไป แล้วก็กระทำสิ่งที่ถูก เริ่มสิ่งที่ถูกต่อไป อันนั้นก็ย่อมจะถึงความเจริญได้

--- กุศลธรรมมากหรือว่าอกุศลธรรมมาก ซึ่งจะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่น่าพอใจ และไม่น่าพอใจ ที่จะต้องมีความสลดใจ มีการปรารภความเพียรโดยแยบคาย เพราะเหตุว่า เห็นชีวิตของสัตว์โลกส่วนมากเป็นอย่างไร น่าสลดใจไหมกับชีวิต ที่เป็นไปตามกรรม ตามเหตุปัจจัย

พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงธรรมไว้ ไม่ทรงส่งเสริมให้ผู้ใดมีอกุศลจิต จิตของ

ผู้ใดเป็นอกุศล แล้วทำอกุศลกรรมไว้มากมายเท่าไร ก็เป็นเรื่องจิตของบุคคลนั้น

เป็นเรื่องของอกุศลกรรมของบุคคลนั้น ที่จะทำให้เกิดผลที่เป็นทุกข์ของบุคคลนั้น

แต่ว่าผู้ใดที่ระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่ตนเองได้สะสมมาตามความเป็นจริงถูกต้อง

ก็จะทำให้ผู้นั้นขัดเกลากิเลสละเอียดยิ่งขึ้น

มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้คำที่ไม่น่าฟัง ไม่รื่นหู ไม่อ่อนโยน? ถ้าท่าน

ศึกษาปรมัตถธรรม ก็จะทราบว่า ขณะนั้นเป็นอกุศลจิต เป็นจิตที่หยาบกระด้าง

ขาดเมตตาต่อผู้อื่น ในขณะที่มีคำพูดอย่างนั้น

ถ้าใครทำอะไรดูออกจะใช้กำลังหรือดูออกจะเหนื่อยมากหรือว่าอาจจะเสร็จช้า

ถ้าท่านช่วยสักหน่อยหนึ่งก็อาจจะเสร็จเร็วขึ้นแล้วก็ไม่เหนื่อยเท่าไร อย่างนั้น

ควรไหมที่จะช่วย หรือว่าก็คงยังนั่งเฉยๆ ดูดายต่อไป ถ้าบุคคลใดมีเมตตาจิต

ก็สามารถที่จะเจริญกุศลได้มากทีเดียว

ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บังคับไม่ได้ รู้ทุกอย่างเลย อกุศลมีอะไรบ้าง

โลภะโทสะ โมหะ ความตระหนี่ ความริษยา เป็นต้น ล้วนแต่เป็นอกุศลที่ไม่ดีทั้งนั้น

รู้ทั้งรู้ แต่ว่าเมื่อมีเหตุปัจจัยก็เกิดได้ แล้วก็เกิดอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

พระผู้มีพระภาคทรงรังเกียจอกุศลทุกประเภท ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ ผู้ฟัง

รังเกียจโลภะบ้างไหม? สภาพที่เพลิดเพลินยินดีในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ใน

โผฏฐัพพะ ซึ่งก็เป็นเหตุเป็นสมุทัยที่จะให้มีการเกิดอีก เห็นอีก ได้ยินอีก ได้กลิ่นอีก

รู้รสอีก รู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง โผฏฐัพพะอีก ไม่เบื่อ เมื่อวานนี้ก็เห็น ก็ยังอยากจะเห็น

อย่างนั้นอย่างนี้อีก เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้ก็จะเห็นต่อไปอีก ภพชาติต่อๆ ไปก็ไม่พ้นจาก

การที่มีความติดข้อง ยินดี พอใจ ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ

ระเด็นปลวกขึ้นบ้าน : วิธีที่ดีที่สุดคือไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น นี่เป็นของที่แน่

นอนที่สุด วิธีที่ดีที่สุดก็ยังคงยังต้องเป็นวิธีที่ดีที่สุดอยู่ แต่ว่าจะปฏิบัติตามได้หรือ

ไม่ได้ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่พระธรรมที่ทรงแสดง พระองค์ทรงแสดงอย่างนี้

จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จะเอามาปรับตามใจชอบ อนุโลมตามสถานการณ์

สภาพการณ์ ไม่สามารถจะทำได้ และจะแก้ไขพระธรรมวินัยเสียใหม่ ก็แก้ไขไม่ได้

เพราะเหตุว่า ที่ถูก ก็คือ การไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะ

ประพฤติปฏิบัติตามได้มากน้อยเพียงใด

ท่านจะได้อะไรมาในชีวิต ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยที่จะให้ได้สิ่งนั้นมา จะได้ไหม?

หรือการที่ท่านจะเสียอะไรไปก็เหมือนกัน แต่โดยมากทุกคนมีแต่ความคิดเรื่องจะได้

คิดเรื่องจะเสียบ้างหรือเปล่า? ไม่ต้องการจะเสียเลย แต่ก็ยังต้องเสีย ซึ่งก็ต้องมีทั้งได้

แล้วก็มีทั้งเสีย เพราะเหตุว่าในชีวิตของแต่ละคนนั้น ไม่ใช่มีแต่เฉพาะกุศลกรรมเท่านั้น

อกุศลกรรมก็มี ผลก็ย่อมเกิดขึ้นตามควรแก่เหตุ

การที่จะรู้ถึงความจริงของคำว่า "พุทธะ" (พระพุทธเจ้า ผู้ทรงตรัสรู้ความจริง

ผู้ทรงเบิกบานด้วยคุณธรรม ผู้ทรงตื่นจากกิเลส) ก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรมที่พระองค์

ทรงแสดง

จิตที่เต็มไปด้วยโรคกิเลส จะรักษาได้อย่างไร ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม

บางคนไปแสวงหาเหนือจดใต้ คือ แสวงหาธรรม โดยที่ไม่รู้เลยว่าธรรมไม่ต้อง

ไปแสวงหาที่ไหน มีจริงในขณะนี้ ทุกขณะเป็นธรรม จะเข้าใจได้ก็ต่อเมื่อมีการฟัง

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง

ธรรมละเอียดทุกคำ ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใด เห็นเป็นเห็น เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ

ทางตาเท่านั้น

แสวงหา ได้มาแล้วบริโภคใช้สอย เก็บรักษาไว้ สละก็เพื่อให้ได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ตามมา นี้คือ ความเป็นไปของโลภะความติดข้อง

ความเข้าใจถูกเห็นถูก จะทำให้ดำเนินไปในทางที่ผิด ไม่ได้

พึ่งคนที่ไม่รู้ ไม่สามารถทำให้รู้อะไรๆ ได้เลย

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๘๙ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๘๙ ... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรมด้วย ครับ

- ความคิดของเราในเรื่องสภาพธรรมนั้น มีพื้นฐานจากความคิดต่างๆ ที่ได้รับจาก

การศึกษาและวัฒนธรรมที่ได้รับการปลูกฝังมา ถ้าเราต้องการที่จะเข้าใจคำสอนของ

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ต้องไม่ยึดมั่นในความคิดของเราในเรื่องสภาพธรรม

และควรเปิดใจกว้างรับฟังพระธรรม เราก็จะสังเกตได้ว่า พระธรรมที่ทรงแสดงนั้นแตก

ต่างจากความคิดของเรา ในเรื่องของสภาพธรรมอย่างสิ้นเชิง

- ถ้าเข้าใจความหมายนี้ก็จะเห็นได้ว่า ทุกอย่างที่มีจริงในขณะนี้ เป็นปรมัตถธรรม

เมื่อยังไม่เคยได้ยินได้ฟังคำนี้ ก็เลยไม่ทราบว่าเป็นปรมัตถธรรมอย่างไร จึงเห็น เป็น

สัตว์ บุคคล ตัวตน แต่ตามความ เป็นจริง ปรมัตถธรรมเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่

สามารถจะรู้ได้ ทางตา คือ มองเห็น สิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหูได้ยินเสียง ทางจมูก

ได้กลิ่น ทางลิ้นลิ้มรส ทางกายรู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหวที่กระทบสัมผัส ทางใจ

ก็คิดนึก ทุกๆ ขณะล้วนเป็นปรมัตถธรรม คือเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ใครจะบอกว่า

ไม่มีปรมัตธรรม กำลังเห็น จริงไหม ถ้าจริงก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง เป็นธาตุชนิดหนึ่ง

เป็นของจริงชนิดหนึ่ง

- เมื่ออกุศลพร้อมเกิดขึ้น เมื่อไร สถานการณ์ใด ก็เกิดขึ้น จากที่นั่งเรียบร้อย กาย

วาจาดี เช่น ในขณะฟัง ธรรม เป็นต้น แต่เมื่อไปสู่อีกที่หนึ่งและประสบกับสิ่งใด กาย

วาจาที่ประพฤติต่อบุคคลอื่นเป็นอย่างไร จะเห็นได้ว่าอกุศลพร้อมที่จะเกิดขึ้นรวดเร็ว

ทั้งง่ายมาก เพราะว่ามีมากจึงเกิดบ่อย

- เมื่อวานนี้ เสียดายที่ไม่ได้ทำดี พรุ่งนี้จะทำ แต่วันนี้แย่มากทั้งพูด ทั้งคิด ไม่รู้ตัว

เลยเป็นผู้ที่ประมาท เพราะแม้ขณะนี้ก็ผ่านไปแล้ว สิ่งที่ยังไม่มา ก็กำลังจะเป็นขณะนี้

เพราะฉะนั้น ขณะนี้สำคัญที่สุด มิฉะนั้นก็จะเลี่ยงไปเรื่อยๆ เมื่อวานกับพรุ่งนี้ แล้ว

ลืมวันนี้ เพราะฉะนั้น ถ้ากุศลทางกาย วาจา ใจ จะเจริญขึ้นได้ ก็คือ วันนี้ ปัจจุบัน

ขณะนี้

- เป็นผู้ไม่ประมาทในการฟังธรรม ไม่เพียงแต่พบพยัญชนะบางส่วนแล้วคิดเอง

เข้าใจเอง เพราะพระธรรมเป็นเรื่องละเอียด เมื่อฟังแล้วควรเป็นผู้มีเหตุผล พิจารณา

ไตร่ตรองถึงอรรถ พิจารณาถึงความจริงของสภาพธรรมเพื่อความเข้าใจที่ละเอียด

ยิ่งขึ้น

- ดูโลกภายนอก แต่ลืมดูตนเอง คือ โลกภายใน ขณะที่ไม่พอใจขุ่นเคือง วิพากย์

วิจารณ์ หรือกำลังติ ขณะนั้นจิตอะไร ต้องเป็นจิตซึ่งรู้ยาก แต่คุ้นเคยกับโลกภายนอก

เพราะฉะนั้น ไม่ควรลืมว่า ถ้าไม่มีโลกภายใน คือ จิต โลกภายนอก หรือสิ่งต่างๆ เหล่า

นั้นก็เกิดขึ้นไม่ได้เลย

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 12 พ.ค. 2556

กุศลธรรมมากหรือว่าอกุศลธรรมมาก ซึ่งจะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่น่าพอใจ

และไม่น่าพอใจ ที่จะต้องมีความสลดใจ มีการปรารภความเพียรโดยแยบคาย

เพราะเหตุว่า เห็นชีวิตของสัตว์โลกส่วนมากเป็นอย่างไร น่าสลดใจไหมกับชีวิต

ที่เป็นไปตามกรรม ตามเหตุปัจจัย

- เมื่อวานนี้ เสียดายที่ไม่ได้ทำดี พรุ่งนี้จะทำ แต่วันนี้แย่มากทั้งพูด ทั้งคิด ไม่รู้ตัว

เลยเป็นผู้ที่ประมาท เพราะแม้ขณะนี้ก็ผ่านไปแล้ว สิ่งที่ยังไม่มา ก็กำลังจะเป็นขณะนี้

เพราะฉะนั้น ขณะนี้สำคัญที่สุด มิฉะนั้นก็จะเลี่ยงไปเรื่อยๆ เมื่อวานกับพรุ่งนี้ แล้ว

ลืมวันนี้ เพราะฉะนั้น ถ้ากุศลทางกาย วาจา ใจ จะเจริญขึ้นได้ ก็คือ วันนี้ ปัจจุบัน

ขณะนี้

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ.เผดิม ค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kinder
วันที่ 12 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
boonpoj
วันที่ 12 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 13 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 13 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pat_jesty
วันที่ 13 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Noparat
วันที่ 13 พ.ค. 2556

เรื่องของธรรม ก็ไม่ควรจะทอดทิ้ง ไม่ว่าจะมีชีวิตในลักษณะใดทั้งสิ้น ก็ควรที่จะ

มีการฟังธรรม พิจารณาแล้ว ประพฤติปฏิบัติตามธรรมอยู่เรื่อยๆ อย่าให้ชีวิตขาด

ธรรม หรือว่าขาดการศึกษา ขาดการฟังธรรม เพราะเหตุว่าถ้าขาดการฟังพระธรรม

แล้ว ก็จะเป็นผู้ประมาท ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป ในลักษณะอื่นได้ ถ้าผู้ใดขาด

ธรรมแล้ว ชีวิตก็ย่อมมืดมน แล้วก็อาจจะทำให้ไขว้เขวไปในทางผิดได้

ความเข้าใจถูกเห็นถูก จะทำให้ดำเนินไปในทางที่ผิด ไม่ได้

พึ่งคนที่ไม่รู้ ไม่สามารถทำให้รู้อะไรๆ ได้เลย

- ความคิดของเราในเรื่องสภาพธรรมนั้น มีพื้นฐานจากความคิดต่างๆ ที่ได้รับจาก

การศึกษาและวัฒนธรรมที่ได้รับการปลูกฝังมา ถ้าเราต้องการที่จะเข้าใจคำสอนของ

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ต้องไม่ยึดมั่นในความคิดของเราในเรื่องสภาพธรรม

และควรเปิดใจกว้างรับฟังพระธรรม เราก็จะสังเกตได้ว่า พระธรรมที่ทรงแสดงนั้นแตก

ต่างจากความคิดของเรา ในเรื่องของสภาพธรรมอย่างสิ้นเชิง

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 13 พ.ค. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
bsomsuda
วันที่ 13 พ.ค. 2556

"แสวงหา ได้มาแล้วบริโภคใช้สอย เก็บรักษาไว้
สละ ก็เพื่อให้ได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ตามมา
นี้คือ ความเป็นไปของโลภะความติดข้อง"

"ดูโลกภายนอก แต่ลืมดูตนเอง คือ โลกภายใน
ขณะที่ไม่พอใจขุ่นเคือง วิพากย์ วิจารณ์ หรือกำลังติ
ขณะนั้นจิตอะไร ต้องเป็นจิตซึ่งรู้ยาก แต่คุ้นเคยกับโลกภายนอก
เพราะฉะนั้น ไม่ควรลืมว่า ถ้าไม่มีโลกภายใน คือ จิต
โลกภายนอก หรือสิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็เกิดขึ้นไม่ได้เลย"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.ผเดิม และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
jaturong
วันที่ 13 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 13 พ.ค. 2556
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 14 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Boonyavee
วันที่ 14 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Jans
วันที่ 15 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
natural
วันที่ 15 พ.ค. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
nong
วันที่ 16 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
มังกรทอง
วันที่ 6 ธ.ค. 2565

ฟังธรรม ในคำพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยความเมตตาของท่านอาจารย์สุจินต์ ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Jarunee.A
วันที่ 10 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ