ตราบใดที่ยังมีตัณหา
ตราบใดที่ยังมีตัณหา ก็นำมาซึ่งทุกข์ในสังสารวัฎฎ์ วันวันเต็มไปด้วยอกุศลโดยเฉพาะโลภะ โลภะคือ ตัณหา นายช่างผู้สร้างเรือน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอยู่ร่ำไป ฟังธรรมแล้วรู้ว่าตัณหาทำให้เกิดทุกข์ แล้วรู้จักตัณหาไหม ไม่ใช่รู้แต่เรื่องตัณหา ตัณหาเป็นสิ่งที่รู้ได้ยาก เพราะความไม่รู้จึงพอใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น จะละความติดข้องได้ต่อเมื่อรู้สิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง และเมื่อรู้จัก ตัณหา จึงดับตัณหาได้ ปัญญาเท่านั้นที่จะดับตัณหาได้ แต่ชีวิตประจำวันจริงๆ นั้นเต็มไปด้วยความไม่รู้ เห็นสิ่งสวยๆ ได้ยินเสียงชม โดยเฉพาะขณะรับประทานอาหารอร่อยๆ ทุกคนติดข้องต้องการพอใจ ตัณหา เกิดแล้วยังไม่รู้จัก ทุกมื้อๆ ก็อร่อย นำมาซึ่งการเกิดอีกก็ไม่รู้ จะสละความติดข้องบ้างไหม เกิดมาก็ติดอาหารเป็นสำคัญ ส่องให้เห็นว่าความติดข้องมีมากเพียงใดทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ... ท่านอาจารย์ได้กล่าวเตือนไว้ไพเราะมากค่ะว่า เห็นเพื่อลืม ลิ้มอาหารอร่อยก็เพื่อลืม จะคลายความติดข้องไหม ทุกสิ่งทุกอย่างมีปัจจัยให้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวแล้วหมดไป สาระอยู่ที่ไหนควรหรือที่จะติดข้อง สะสมกิเลสเพิ่มขึ้นต่อไป ความอยากเป็นสิ่งที่ควรละ แต่ขณะนี้ยังละไม่ได้แน่ แต่จะละได้ด้วยความเห็นถูกเข้าใจถูก ค่อยๆ สละความติดข้องมื้อไหนก็ตาม เห็นโทษของอกุศล แต่ก็ฝืนไม่ได้ เลือกไม่ได้ว่าจะละความติดข้องขณะไหน แต่ค่อยๆ สะสมเพื่อที่จะละความติดข้อง ปัญญาเกิดเมื่อไรจะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
ปัญญารู้ว่าขณะใดจะละจะคลายแล้วแต่เหตุปัจจัย ค่อยๆ เปลี่ยนตามเหตุปัจจัย ค่อยๆ สละมากขึ้น ค่อยๆ เข้าใจตัณหาที่เกิดในชีวิตประจำวันแล้วค่อยๆ ละคลาย แต่จะดับตัณหาได้นั้นต้องเป็นปัญญาที่ค่อยๆ พิจารณาจากสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้จนเป็นความเข้าใจของตนเอง ต้องละเอียด เพราะธรรมละเอียด ลึกซึ้ง ไม่ใช่ว่าพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสเสร็จแล้วสามารถที่จะเข้าใจเลย เป็นไปไม่ได้แน่นอน ดังนั้นการฟังธรรมเพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏ เดี๋ยวนี้มีโลภ มี ตัณหา ไหม ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏจริงๆ เช่นเดียวกับ โลภะ แม้ขณะนี้มี ก็ไม่สามารถรู้จักโลภะ ได้ ต้องตามกำลังของปัญญา ฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ไม่เลือกเลย เพราะสิ่งที่มีจริงเป็นธรรมทุกอย่าง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ตราบใดที่ยังมีตัณหา ก็เป็นเหตุนำมาซึ่งทุกข์ในสังสารวัฏฏ์"
..ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่เมตตาด้วยครับ..
"ทุกสิ่งทุกอย่างมีปัจจัยให้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวแล้วหมดไป สาระอยู่ที่ไหน ควรหรือที่จะติดข้อง สะสมกิเลสเพิ่มขึ้นต่อไป...
...ฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ไม่เลือกเลย เพราะสิ่งที่มีจริงเป็นธรรมทุกอย่าง"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาค่ะ