อาชีพนายแบบ นางแบบ...เป็นบาป???

 
lovedhamma
วันที่  7 มิ.ย. 2556
หมายเลข  23015
อ่าน  3,589

ผู้ที่มีอาชีพเป็นนายแบบ นางแบบ...ถ้าต้องมีการถ่ายแบบที่โป๊ หรือเปลือยเลย...แต่

ในอีกกรณีหนึ่งคือ จำเป็นต้องถ่ายแบบเพื่อโฆษณาชุดชั้นใน (ทั้งชุดชั้นในชายและ

หญิงเลย) จะเท่ากับเป็นการทำบาป/ผิดศีลรึเปล่าครับ เพราะโดยความคิดส่วนตัวแล้ว

อย่างที่ 2 ก็ไม่น่าจะเป็นการทำผิดบาปนะครับ เพราะเจตนาในการถ่ายแบบคือ

ต้องการโฆษณาสินค้า ไม่ใช่เจตนาถ่ายภาพนู้ด ขอความกระจ่างจากหัวข้อโดย

ละเอียดด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 8 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บาป อกุศลก็มีหลายระดับ ตามระดับของกิเลส บาป ที่เป็นเพียง เกิดขึ้นในจิตใจ

ก็มีที่เพียงโกรธ หรือ ชอบ ไม่ได้แสดงออกมาทางกาย วาจา ก็เป็นบาป เป็นอกุศล

แต่ไม่ใช่บาปที่มีกำลังที่ล่วงศีล ที่แสดงออกมาทางกาย วาจา ที่จะทำให้เกิดใน

อบายภูมิ เพราะ บาปนั้น ส่วนบาป อกุศลที่แสดงออกมาทางกาย วาจา แต่ไม่ถึงกับ

ล่วงศีลก็มี เช่น โกรธ แสดงความไม่พอใจ บ่นกับตนเอง หรือ มีความติดข้อง ยินดี

พอใจ และก็แสวงหาอาหาร มีการแต่งตัว แต่งตัวให้ผู้อื่นดู โดยไม่ได้เบียดเบียน

ผู้อื่น อย่างนี้ ก็ไม่เป็นบาปที่ล่วงศีล แต่เป็นบาป อกุศลที่สะสมเป็นอุปนิสัยที่จะยินดี

ติดข้องมากขึ้น หรือ โกรธมากขึ้น และบาป อกุศลที่มีกำลัง ที่ถึงขนาดแสดงออกมา

ทางกาย วาจา และ มีการล่วงศีล เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม เป็นต้น

เป็นบาปที่มีกำลัง และสามารถให้ผลไปเกิดในอบายภูมิได้ ครับ

ซึ่งการแต่งตัวเดินแบบ ไม่ได้เบียดเบียนทำร้ายใคร และไม่ได้ล่วงศีลห้า จึงไม่เป็น

บาปในกรณีของการล่วงศีล ไม่ต้องไปอบายภูมิ เพราะการกระทำเหล่านี้ แต่เป็น

บาป อกุศลในระดับที่จะสะสมเป็นอุปนิสัยที่ไม่ดี ในความติดข้องมากขึ้นได้ ครับ

ซึ่งในความเป็นจริงของปุถุชน ที่เป็นคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม บริโภคกาม หมายถึง

ขณะที่ยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส ในชีวิตประจำวัน แม้

ติดข้องในอาหาร ในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็เป็นคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามแล้ว จะเห็นได้ว่า

เราทั้งหลายก็คือ กามโภคี ผู้บริโภคกามอยู่เป็นประจำ เพียงแต่ว่า พระพุทธเจ้า

ทรงสรรเสริญ และ ตำหนิ ผู้ที่บริโภคกาม บางจำพวก

ผู้บริโภคกาม ที่ ใช้จ่ายทรัพย์บำรุงตน ที่หามาด้วยสุจริต และ จำแนกแจกทาน

และ อบรมปัญญา ศึกษาธรรม พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญโดยส่วนเดียว แม้จะเป็น

ผู้บริโภคกาม แต่ ก็ได้ ทำหน้าที่ที่สมควร และ หาเงินมาด้วยสุจริต

แต่ผู้บริโภคกาม ที่หาเงินมาด้วยการทำทุจริต พระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญ และ ไม่

บำรุงตนเอง และ ไม่จำแนกแจกทาน ไม่อบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม พระพุทธเจ้า

ก็ทรงติเตียน คฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเหล่านี้

เพราะฉะนั้น การประกอบอาชีพอะไรก็ได้ ที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ล่วงศีล ชื่อว่า

หาทรัพย์มาโดยชอบ และ เมื่อหาทรัพย์มาแล้ว ก็บำรุงตนเองและผู้อื่น พร้อมๆ กับ

การศึกษาพระธรรม พระพุทธเจ้าก็ทรงสรรเสริญ และ ชื่อว่า ใช้ชีวิตที่เหมาะสมใน

การเกิดเป็นมนุษย์ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 8 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง ว่าจะมีความประพฤติเป็นไปอย่างไร ประกอบอาชีพอะไร แต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง เมื่อว่าตามความเป็นจริงแล้ว ขณะใดที่จิตไม่ได้น้อมไปในกุศลที่เป็นทานบ้าง ศีลบ้าง การอบรมเจริญปัญญาบ้าง นอกนั้นก็เป็นอกุศลทั้หมด ถ้าไม่กล่าวถึงขณะที่ เป็นวิบากและกิริยา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะถ่ายนู๊ด หรือจะถ่ายแบบโฆษณา ก็ยากที่จะพ้นไปจากอกุศลที่เป็นความ

ติดข้องต้องการ อกุศลเป็นอกุศล เป็นสิ่งที่ไม่ดี จะบอกว่าอกุศล ดี ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะความจริงย่อมเป็นอย่างนี้ แต่การกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นการกระทำทุจริตกรรม ไม่ได้เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน ไม่ได้ลักขโมยสิ่งของของใคร ก็เป็นเพียงอกุศลจิตที่เกิดขึ้น ซึ่งจะแตกต่างกันกับบุคคลผู้ที่กระทำทุจริตกรรม มีการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์เป็นต้นอย่างสิ้นเชิง

ประโยชน์จริงๆ คือ รู้ความจริงที่ว่า อกุศล เป็น อกุศล ไม่สำคัญผิดว่าอกุศลเป็น

สิ่งที่ดี เพราะความจริงแล้ว อกุศล เป็นอกุศล เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ไม่นำมาซึ่งคุณประโยชน์ใดๆ เลย ไม่ควรมองคนแค่เพียงภายนอกเท่านั้น เพราะแต่ละคนแต่ละท่านก็มากไปด้วยกิเลสด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีแต่อกุศลเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด โอกาสแห่งการเกิดขึ้นของกุศลธรรมก็มี ตามการะสะสมของแต่ละบุคคล นอกเหนือจากการกระทำที่เป็นไปด้วยอำนาจของความติดข้องแล้ว ก็อาจจะเกิดกุศลจิต มีการงดเว้นจากทุจริตกรรม มีการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น มีการขวนขวายในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ตลอดจนถึงมีศรัทธาเห็นประโยชน์ของพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ก็ได้ ซึ่งจะต้องไม่ปนกัน ระหว่างอกุศล กับ กุศล ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 8 มิ.ย. 2556

ในสมัยพุทธกาล มีหญิงงามเมือง ประกอบอาชีพนี้ และ มีบุรุษมาให้ทรัพย์ และ

หญิงงามเมืองก็สามารถรักษาศีลได้ อาชีพนางแบบก็รักษาศีล 5 ได้ ไม่ผิดศีล ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
daris
วันที่ 9 มิ.ย. 2556

ขออนุญาตเรียนถามเพิ่มเติมครับ

จริงๆ สงสัยเกี่ยวกับประเด็นนี้มานาน เพราะเคยได้ยินเรื่องใน ตาลปุตตสูตร ว่าผู้ที่มีอาชีพเป็นนักฟ้อนนักแสดงมักจะตกนรก ผมเข้าใจว่าแค่ประกอบอาชีพเป็นนักแสดงเท่านั้นคงไม่เป็นเหตุให้ไปเกิดในนรก แต่เข้าใจว่าเมื่อมีอาชีพนักแสดง อาจจะทำให้มีโอกาสล่วงกรรมบถได้ง่าย เช่น การกล่าวคำเท็จ หรือกล่าวเรื่องเพ้อเจ้อ ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกต้องรึเปล่า

และอีกประเด็นคือ การจะล่วงกรรมบถ (วจีกรรม) ของนักแสดง นี่จะพิจารณาอย่างไรครับ เพราะเวลาที่มีการแสดงก็คงต้องมีการกล่าวคำไม่จริง คำเพ้อเจ้อไม่มีสาระ หรือ คำหยาบบ้าง แต่ตัวนักแสดงก็คงไม่ได้มีเจตนาที่จะเบียดเบียนใครด้วยคำเหล่านั้น แต่ทำไปเพราะเป็นอาชีพของเขา (และผู้ที่รับชมการแสดงก็รู้ว่าเป็นแค่การแสดง) ไม่ทราบว่าอย่างไรจึงจะเป็นการล่วงกรรมบถในกรณีแบบนี้

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ณัฐวุฒิ
วันที่ 9 มิ.ย. 2556

เรียนวิทยากรครับนางแบบ นายแบบ หรือนักแสดง ทั่วไป

ถือว่าเป็นอาชีพเดียวกับ นักเต้นรำชื่อตาลปุตตไหมครับ

หรือว่าแล้วแต่ จิต//www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=18&A=7768&Z=7822

เพราะนายตาลปุตตนักเต้นรำ พระพุทธองค์พยากรณ์ว่าไปเกิดในอบาย

จึงสงสัยว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไรครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
paderm
วันที่ 9 มิ.ย. 2556

เรียน คุณ daris และ คุณ ณัฐวุฒิ ครับ

เข้าใจก่อนครับว่า กรรมที่จะต้องถึงกับไปอบายภูมินั้นจะต้องครบกรรมบถ ครบองค์

ยกตัวอย่างเช่น ปาณาติบาต คือ สัตว์มีชีวิต รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต มีจิตคิดจะฆ่า มีความ

พยายามที่จะฆ่า สัตว์ตายเพราะการฆ่านั้น เมื่อครบองค์ 5 ประการที่กล่าวมาเรียกว่า

ครบกรรมบถ กรรมนี้ถ้าเหตุปัจจัยพร้อมก็สามารถให้ผลไปเกิดในอบายภูมิได้ครับ แต่

ถ้าไม่ครบกรรมบถทั้ง 5 ที่กล่าวมา เช่น จะฆ่า แต่สัตว์ไม่ตาย กรรมนั้นไม่ถึงต้องไป

อบายภูมิ แต่สามารถให้ผลในปวัตติกาล คือ หลังจากเกิดแล้ว อาจถูกเบียดเบียน เป็น

ต้น ดังนั้น กรรมที่ครบกรรมบถจึงจะให้ผลไปอบายภูมิ ซึ่งจากพระสูตรที่กล่าวมา

ไม่ได้เพียงแค่ผู้แสดงทำให้ผู้อื่นเกิดโลภะ โทสะ โมหะแล้วจะไปอบายภูมิ แต่ผู้ที่แสดง

นั้นจะต้องล่วงกรรมบถครบองค์ กรรมนั้นจึงไปอบายภูมิ เช่น การกล่าวมุสาที่ครบองค์

ในขณะที่แสดง เป็นต้น

ดังนั้น ในตาลปุตตสูตร ซึ่งหากแต่ว่าในการแสดงมีการล่วงกรรมบถ ล่วงศีลข้อใด

ข้อหนึ่ง อันประกอบด้วยเจตนาที่อยากจะให้ผู้ชมมีความเพลิดเพลิน จึงล่วงศีล กรรม

นั้นจึงทำให้ไปอบายภูมิ ครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

ในเรื่องตาลบุตรสูตรกับการบันเทิงบนสวรรค์แตกต่างกันอย่างไร? ดารานักแสดงตายแล้วจะไปเกิดในสุคติหรือทุคติ อาชีพ ดารา นักร้อง นักแสดง นักประพันธ์

ทำไมนักแสดงละครจึงตกนรก

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
daris
วันที่ 9 มิ.ย. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผิน
วันที่ 11 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
lovedhamma
วันที่ 3 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
papon
วันที่ 3 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
orawan.c
วันที่ 7 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ