ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๙๔

 
khampan.a
วันที่  9 มิ.ย. 2556
หมายเลข  23032
อ่าน  1,539

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๙๔]

ใครดีที่สุดในสากลจักรวาล? คำตอบ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น

แล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังคำของพระองค์ ซึ่งเป็นวาจาสัจจะ เป็นคำจริงโดยตลอด

ที่แสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริง

ถ้าเห็นโทษของอวิชชา ก็จะมีการอบรมเจริญปัญญาเพราะเหตุว่าละอาย รังเกียจ

และเห็นโทษของอวิชชา ว่า เป็นเหตุให้เกิดอกุศลธรรมทั้งหมด ทั้งโลภะ โทสะ อิสสา

(ความริษยา) มัจฉริยะ (ความตระหนี่) กุกกุจจะ (ความเดือดร้อนรำคาญใจ) ไม่ว่าจะเป็น

อกุศลธรรมใดๆ ก็ตาม ที่จะเกิดมีได้ เพราะมีอวิชชา

ธรรมประเภทใดเป็นอกุศล ก็ต้องเห็นธรรมประเภทนั้นว่าเป็นอกุศลด้วย ไม่ใช่เห็น

แต่โทสะเป็นอกุศล แต่ไม่เห็นว่าโลภะเป็นอกุศล

ถ้าไม่มีหิริโอตตัปปะ จะฟังพระธรรมไหม? ทำไมถึงฟัง? ฟังเพื่อที่ต้องการจะ

เข้าใจธรรม คือ สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ซึ่งไม่มีโอกาสจะรู้ได้ถ้าไม่ฟังพระธรรม ใน

ขณะที่เห็นอันตรายของความไม่รู้ ต้องการที่จะพ้นจากความไม่รู้ ต้องการเจริญความรู้

ขึ้น ในขณะนั้นต้องมีหิริโอตตัปปะที่เห็นโทษเห็นภัย แล้วก็กลัว ละอายต่ออกุศล คือ

ความไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่ว่าต้องมานั่งนึกละอาย แต่

ขณะใดก็ตามที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นต้องมีโสภณเจตสิก เช่น ศรัทธา สติ รวมถึง หิริ

โอตตัปปะ เป็นต้น เกิดร่วมด้วย

การบูชาด้วยดอกไม้ ธูปเทียน ก็ยังไม่เป็นการเคารพอย่างสูงสุด เพราะว่าพระผู้มี

พระภาคมิได้ทรงหวังดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องสักการะ แต่ทรงบำเพ็ญพระบารมี เพื่อ

หวังให้สาวกได้ดับกิเลสเช่นเดียวกับพระองค์ด้วย แต่ก่อนที่จะดับกิเลสได้นี้ ต้องเป็นผู้ที่

ละเอียด เป็นผู้ที่ตรง และก็ต้องเป็นผู้ที่รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง

ตา หู จมูก ปาก นก หนู ยุง แมว ช้าง ใครเป็นคนทำให้ ถ้าไม่ใช่

กรรมที่ตนเองได้กระทำแล้ว

ถ้ามีปัญญาแล้วจะทำให้ตนเองทำชั่ว ก็เป็นไปไม่ได้

กิเลสทั้งหลายที่มี นำมาซึ่งทุกข์โทษภัยทั้งปวง

มีอกุศลไปทั้งวัน แล้วก็นั่งหวังว่า ให้ปัญญาเกิดมากๆ หรือ ให้กิเลสลดน้อยลง

ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ความหวั่นไหว คือ ไม่สงบ ไม่เป็นไปกับกุศลใดๆ เลย อกุศล ไม่สงบ จึงหวั่น

ไหวซึ่งขณะที่หวั่นไหวนั้น จะไม่ปราศจากโมหะเลย

ขณะที่ไม่รู้ จะสงบไม่ได้เลย

ขณะใดที่ไม่ได้เป็นกุศล ก็เป็นอกุศลทั้งหมด ถ้าไม่กล่าวถึงขณะที่เป็นวิบากและ

กิริยา

ปกติหวั่นไหวไปกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นประจำ ซึ่งถ้าไม่หวั่น

ไหว ก็จะไม่ดิ้นรนเลย

บางคนประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจเพียงนิดเดียว ก็ดิ้นรนเกือบทั้งคืน ด้วยอำนาจ

ของอกุศลธรรม

มีสิ่งที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่ติดข้อง ขณะนั้นก็ไม่หวั่นไหว

กว่าจะละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล จะฟังพระธรรมเพียง

ครั้งเดียวไม่ได้ ก็จะต้องฟังต่อไป ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กที

ละน้อย

เมื่อได้ฟังเรื่องของกิเลส ใจความสำคัญอยู่ตรงไหน? อยู่ที่ทำให้รู้ว่ากิเลสมากมาย

อย่างนี้ จะดับได้อย่างไร เพราะไม่สามารถดับกิเลสได้ด้วยความไม่รู้

พระธรรมเปรียบเสมือนยารักษาโรค เปรียบเสมือนน้ำที่สะอาดที่คอยชำระล้างจิต

ทำให้รู้จักสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ประมาทในอกุศล ซึ่งการที่จะค่อยๆ ละคลาย

อกุศลได้ ก็ด้วยความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น

ปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ตามความเป็นจริงว่า ธรรม เป็น ธรรม ไม่ใช่เรา

ในการฟังพระธรรมนั้น ต้องอาศัยความอดทนอย่างยิ่ง

ไม่รู้จักธรรม จึงไปแสวงหาธรรมเหนือจรดใต้ และเมื่อไม่รู้จักธรรม จึงยึดถือว่า

เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล

มีธรรมอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเป็นธรรม จนกว่าจะได้ฟังพระธรรม

สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ สามารถรู้ได้ แล้วเมื่อไหร่? เมื่อ ...ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

แค่เอื้อมมือไปหยิบอะไรสักอย่าง ก็หวังแล้ว มีความติดข้องต้องการเกิด

ขึ้นแล้วในขณะนั้น

มีสติ คือ สติเกิด ไม่ใช่เราไปทำให้สติเกิด

รูป ไม่มีอิทธิพลให้ใครมาติดข้อง แต่ที่ติดข้องเพราะโลภะของตนเองต่าง

หาก จะไปโทษรูปก็ไม่ได้

จะนับถืออะไรดี ระหว่างดี กับ ชั่ว? ความชั่ว ไม่ควรแก่การนับถือโดยประการ

ทั้งปวง

จุดประสงค์ของการศึกษาพระธรรม เพื่อเข้าใจถูกต้องในความเป็นจริงของธรรม

ปัญญา ไม่ใช่ชาย ไม่ใช่หญิง ไม่ใช่บรรพชิต ไม่ใช่คฤหัสถ์ แต่ปัญญา

เป็นปัญญา เป็นความเข้าใจถูกเห็นถูก

หนทางที่ยาก คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา ซึ่งเป็นไปเพื่อละ

ตั้งแต่ต้นจนถึงทึ่สุด.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๙๓ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๙๓...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 9 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ

- เรามักสงสารคนที่ประสบเคราะห์กรรมต่างๆ เช่น คนที่ทรัพย์สินเสียหาย หรือ

บางคนถึงแก่ชีวิตด้วยโรคร้าย หรืออุบัติภัยต่างๆ เราเกิดความรู้สึก สงสารเห็นใจ

เมื่อเห็นเขาได้ผลของอกุศลกรรมของเขา แต่ขณะที่เขากระทำเหตุ (กระทำความชั่ว)

ทำไมเราจึงไม่เกิดความรู้สึกสงสารเห็นใจ เรากลับรู้สึกโกรธแค้น ชิงชัง ซึ่งนอกจาก

จะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว เรายังเพิ่มอกุศลให้กับตนเอง

- อกุศลกรรมที่กระทำแล้ว ล่วงไปแล้ว ถ้าพิจารณาแล้วไม่เอื้อต่อการเจริญกุศล

ธรรมเลย ก็ไม่ควรจะครุ่นคิดให้อกุศลวิตกกำเริบขึ้น จนทำให้เราต้องเกิดความเดือด

ร้อนรำคาญใจ หรือ น้อยใจในตัวเองบ่อยๆ ครับ ถ้าเห็นโทษของการคิดแล้วเศร้า คิด

แล้วขุ่นใจ ก็ควรตั้งใจดี เจตนาดี คิดดี คิดที่จะละอกุศลที่ไม่ดีที่ได้เคยกระทำลงไปให้

เกิดน้อยลงด้วยการเจริญกุศลทุกประการ เพื่อเกื้อกูลสรรพสัตว์ ควบคู่กันไปกับการฟัง

พระธรรมเพื่อเจริญปัญญา

- เรื่องความโกรธกับความไม่โกรธนั้น ถ้าสะสมปัญญามา ก็จะรู้ว่า “ไม่โกรธดีกว่า”

แต่ถ้าไม่ได้สะสมปัญญามาก็คิดว่าต้องโกรธ..ต้องโกรธตอบ แต่จะให้คิดเท่าไรก็คิด

ไม่ออกว่าไม่โกรธดีกว่าโกรธ ฉะนั้นจึงต้องพิจารณาให้เห็นโทษของอกุศล และเห็น

ประโยชน์ของกุศล แล้วอบรมเจริญกุศลเพิ่มมากขึ้น

- บาปไม่บาปนั้นก็อยู่ที่เจตนาและเป็นอกุศลหรือไม่ ถ้าทำสิ่งที่ถูกแล้วแต่คนอื่น

เกิดอกุศล บาปย่อมไม่ตกกับบุคคลที่ทำถูก แต่เรื่องของใจของคนอื่นเป็นเรื่องที่

ห้ามกันไม่ได้ ที่สำคัญ ขอให้มีพระธรรมเป็นที่พึ่งพิจารณาสิ่งที่ผิดหรือถูก

- การเข้าใจธรรมไม่ใช่เพียงเข้าใจเล็กน้อย แล้วอยากดับกิเลส เป็นไปได้อย่างไร

ต้องเป็นปัญญา ที่ละเอียดและรู้จริง การอบรมเจริญอริยมัคค มีองค์ ๘ สามารถที่จะ

รู้ยิ่งในสภาพธรรมที่ปรากฎทั้งหมดว่า เป็นธรรมะตามความเป็นจริง จึงจะดับอนุสัย

กิเลสที่เกิดยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ เพราะ ความจริงไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่ง

ใดเลย เพียงแค่ปรากฎก็หมดแล้ว

- การจะเริ่มศึกษาพระอภิธรรมเป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาล อย่างที่ไม่สามารถเปรียบเทียบ

กับอะไรได้จริงๆ และเป็นสิ่งที่ยากมากๆ ต้องเริ่มที่ฟังให้เข้าใจจริงๆ ว่า ธรรมะคืออะไร

ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน และบังคับบัญชาไม่ได้อย่างไร แล้วค่อยๆ สะสมความเข้าใจ

ในรายละเอียดมากขึ้นๆ ตามกำลังของปัญญา

- ทุกท่านเกิดมาแล้วมีเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน แต่ละวันก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปตาม

เหตุตามปัจจัยต่างๆ กัน ลองสังเกตชีวิตที่เหมือนกับอยู่ไปวันหนึ่งๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่า

อะไรจะเกิดขึ้น เหตุการณ์เมื่อวานนี้ผ่านไปแล้ว และเหตุการณ์วันนี้ก็ไม่เหมือนเมื่อวาน

นี้ แล้วก็กำลังจะหมดไปอีก แล้วพรุ่งนี้ก็เป็นเหตุการณ์ใหม่อีก เป็นเรื่องใหม่อีก ชีวิตวัน

หนึ่งๆ ก็อยู่ไปๆ โดยไม่รู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง ข้อสำคัญที่สุด ขออย่า

ได้เป็นผู้ที่เพียงฟัง ต้องรู้ว่าเพื่อน้อมประพฤติปฏิบัติตาม เท่าที่สามารถจะกระทำได้

จึงชื่อว่า เป็นผู้ที่เคารพในพระธรรมจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ธนัตถ์กานต์
วันที่ 9 มิ.ย. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 9 มิ.ย. 2556

ใครดีที่สุดในสากลจักรวาล? คำตอบ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น

แล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังคำของพระองค์ ซึ่งเป็นวาจาสัจจะ เป็นคำจริงโดยตลอด

ที่แสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริง

ถ้าเห็นโทษของอวิชชา ก็จะมีการอบรมเจริญปัญญาเพราะเหตุว่าละอาย รังเกียจ

และเห็นโทษของอวิชชา ว่า เป็นเหตุให้เกิดอกุศลธรรมทั้งหมด ทั้งโลภะ โทสะ อิสสา

(ความริษยา) มัจฉริยะ (ความตระหนี่) กุกกุจจะ (ความเดือดร้อนรำคาญใจ) ไม่ว่าจะเป็น

อกุศลธรรมใดๆ ก็ตาม ที่จะเกิดมีได้ เพราะมีอวิชชา

- ทุกท่านเกิดมาแล้วมีเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน แต่ละวันก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปตาม

เหตุตามปัจจัยต่างๆ กัน ลองสังเกตชีวิตที่เหมือนกับอยู่ไปวันหนึ่งๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่า

อะไรจะเกิดขึ้น เหตุการณ์เมื่อวานนี้ผ่านไปแล้ว และเหตุการณ์วันนี้ก็ไม่เหมือนเมื่อวาน

นี้ แล้วก็กำลังจะหมดไปอีก แล้วพรุ่งนี้ก็เป็นเหตุการณ์ใหม่อีก เป็นเรื่องใหม่อีก ชีวิตวัน

หนึ่งๆ ก็อยู่ไปๆ โดยไม่รู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง ข้อสำคัญที่สุด ขออย่า

ได้เป็นผู้ที่เพียงฟัง ต้องรู้ว่าเพื่อน้อมประพฤติปฏิบัติตาม เท่าที่สามารถจะกระทำได้

จึงชื่อว่า เป็นผู้ที่เคารพในพระธรรมจริงๆ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ.เผดิมที่แบ่งปันธรรมที่มีค่ายิ่งค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
bsomsuda
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

- พระธรรมเปรียบเสมือนยารักษาโรค


เปรียบเสมือนน้ำที่สะอาดที่คอยชำระล้างจิต


ทำให้รู้จักสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ประมาทในอกุศล


ซึ่งการที่จะค่อยๆ ละคลายอกุศลได้ ก็ด้วยความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น- รูป ไม่มีอิทธิพลให้ใครมาติดข้อง


แต่ที่ติดข้องเพราะโลภะของตนเองต่างหาก


จะไปโทษรูปก็ไม่ได้

- เราเกิดความรู้สึก สงสารเห็นใจ เมื่อเห็นเขาได้ผลของอกุศลกรรมของเขา


แต่ขณะที่เขากระทำเหตุ (กระทำความชั่ว)


ทำไมเราจึงไม่เกิดความรู้สึกสงสารเห็นใจ เรากลับรู้สึกโกรธแค้น ชิงชัง

- บาปไม่บาปนั้นก็อยู่ที่เจตนาและเป็นอกุศลหรือไม่


ถ้าทำสิ่งที่ถูกแล้ว แต่คนอื่นเกิดอกุศล บาปย่อมไม่ตกกับบุคคลที่ทำถูก


แต่เรื่องของใจของคนอื่น เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้


ที่สำคัญ ขอให้มีพระธรรมเป็นที่พึ่งพิจารณาสิ่งที่ผิดหรือถูก

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
kinder
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
panasda
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
rrebs10576
วันที่ 10 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
natural
วันที่ 13 มิ.ย. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
papon
วันที่ 16 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
raynu.p
วันที่ 17 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pamali
วันที่ 27 มิ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
kullawat
วันที่ 22 เม.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
เจียมจิต
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
มังกรทอง
วันที่ 9 ธ.ค. 2564

เมื่อได้ฟังเรื่องของกิเลส ใจความสำคัญอยู่ตรงไหน? อยู่ที่ทำให้รู้ว่ากิเลสมากมายอย่างนี้ จะดับได้อย่างไร เพราะไม่สามารถดับกิเลสได้ด้วยความไม่รู้ พระธรรมเปรียบเสมือนยารักษาโรค เปรียบเสมือนน้ำที่สะอาดที่คอยชำระล้างจิต ทำให้รู้จักสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ประมาทในอกุศล ซึ่งการที่จะค่อยๆ ละคลายอกุศลได้ ก็ด้วยความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้นปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ตามความเป็นจริงว่า ธรรม เป็น ธรรม ไม่ใช่เรา น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธู สาธู ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
Jarunee.A
วันที่ 10 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ